ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 1 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 1

เหยียนฟู่จือกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง พูดด้วยความขุ่นเคืองใจเล็กน้อย “ดูจากเนื้อผ้าที่สวมใส่บนร่างกายก็น่าจะเป็นคนมีฐานะอยู่บ้าง เพียงแต่คุณชายบ้านท่านทราบหรือไม่ เวลานี้เขานั่งอยู่ในเขตของบ้านใคร”

บุรุษสีหน้าเย็นชาไม่เอ่ยปากอีก สายตามองข้ามศีรษะนาง มองตรงไปที่ด้านล่าง

เมิ่งถิงฮุยอยู่ด้านหลังยกมุมปากเล็กน้อย ในใจรู้ดีว่าเหยียนฟู่จือรักหน้าตาเป็นอย่างยิ่ง มาวันนี้ถูกบ่าวรับใช้คนหนึ่งมองข้ามเช่นนี้ จะยอมกล้ำกลืนโทสะนี้ลงไปได้อย่างไร นางจึงเอนตัวไปด้านข้างด้วยตั้งใจจะรอชมเรื่องสนุก

ไม่ผิดจากที่คิด เหยียนฟู่จือโกรธจนหน้าแดง ชี้คนผู้นั้นแล้วบอก “ข้าถามท่านอยู่นะ!”

บุรุษผู้นั้นยังคงไม่ส่งเสียง แต่กลับมีเสียงหัวเราะดังกังวานของบุรุษดังมาจากทางช่องหน้าต่างด้านติดถนนที่เปิดกว้างอยู่…

“เขตของบ้านใคร ย่อมเป็นเขตของฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าผิงเราน่ะสิ”

เมิ่งถิงฮุยได้ยินคำพูดนี้แล้วก็อดเลิกคิ้วเอียงตัวมองไปทางด้านนั้นไม่ได้

บุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งพิงเก้าอี้อยู่ที่ข้างหน้าต่าง ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนขอบหน้าต่าง ในมือถือพัดพับสีดำเล่มหนึ่งโบกพัดช้าๆ อย่างสบายอกสบายใจ ชายเสื้อคลุมผ้าดิ้นสีครามอ่อนบนร่างถูกลมพัดปลิวขึ้นลง เมื่อมาประกอบกับใบหน้าที่แย้มยิ้มดุจบุปผาของเขา กลับให้ความรู้สึกเหมือนฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือนจริงๆ

เหยียนฟู่จือคาดคิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเอ่ยคำพูดเช่นนี้ หลังจากนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน จึงหันกลับมายิ้มหยันให้เมิ่งถิงฮุย “ต้นฤดูใบไม้ผลิยังหนาวอยู่ กลับมีคนกำลังโบกพัดราวกับไร้สมอง พัดจนมีลมหนาวโชยมาถึงนี่ ข้าไม่สนใจที่นี่แล้ว ไปเถอะ เราลงไปข้างล่างกัน…”

“แม่นางท่านนี้โปรดหยุดก่อน” บุรุษหนุ่มกลับเรียกเหยียนฟู่จือไว้ จากนั้นก็บุ้ยปากให้บุรุษที่เฝ้าอยู่ตรงปากบันได

บุรุษผู้นั้นเข้าใจ กล่าวอย่างนอบน้อม “ขอรับ คุณชาย” จากนั้นก็เปิดทางให้

เหยียนฟู่จือไม่ขยับ ยังคงยิ้มหยัน “ที่แท้ชั้นสองก็ถูกท่านเหมาไว้แล้วนี่เอง มีดวงตางดงามคู่หนึ่งเสียเปล่า ถึงกับไม่เห็นว่าที่ด้านล่างมีคนมากน้อยเพียงใดที่มาถึงแล้วไม่มีที่นั่งจึงจากไปด้วยความผิดหวัง”

เมิ่งถิงฮุยเห็นสีหน้าบุรุษหนุ่มแปรเปลี่ยนเล็กน้อยก็อดหัวเราะเสียงต่ำไม่ได้ นางยังคงเดินไปที่ด้านข้าง เลือกโต๊ะที่อยู่ติดหน้าต่างแล้วนั่งลง ไม่มีแก่ใจจะไปสนใจการโต้เถียงของพวกเขาสองคน

บนชั้นสองมีห้องส่วนตัวอยู่หลายห้อง ประตูห้องด้านตะวันตกสุดเปิดแง้มอยู่ มองเห็นรางๆ ว่าข้างในมีคนนั่งอยู่ แต่กลับเห็นหน้าตาไม่ชัด

บุรุษหนุ่มกระโดดขึ้นมาจากข้างหน้าต่าง เดินมาถึงเบื้องหน้าเหยียนฟู่จือ กวาดตาขึ้นๆ ลงๆ มองประเมินนาง สีหน้าเปลี่ยนเป็นค่อนข้างแปลกประหลาด เขาเก็บพัดแล้วบอก “ดูจากการแต่งตัว เจ้าคงเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาสตรีชงโจวกระมัง”

เหยียนฟู่จือถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง แล้วเดินมาทางเมิ่งถิงฮุย ปากก็ด่าว่า “เติงถูจื่อ* ที่ไร้ยางอาย”

บุรุษหนุ่มไม่โกรธ กลับเดินตามมาข้างหลัง ยิ้มพลางเอ่ยถาม “ขอบังอาจถามแม่นาง ในเมื่อเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาสตรี เพราะเหตุใดจึงไม่ศึกษาวิชาหาความรู้ กลับมาเที่ยวหอสุราเช่นนี้ แม่นางทราบหรือไม่ ตอนนั้นเพื่อจะสร้างสำนักศึกษาสตรีร้อยแห่งขึ้นในแว่นแคว้น ฮ่องเต้ต้องทุ่มเทสติปัญญาและกำลังมากเพียงใด จะปล่อยให้เวลาดีๆ เช่นนี้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร…”

เหยียนฟู่จือมึนงงไปหมด นางกล่าวกับเมิ่งถิงฮุย “ไม่รู้เป็นคนเสียสติมาจากที่ใด”

เมิ่งถิงฮุยรับคำอย่างใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว นางมองไปที่นอกหน้าต่าง

บุรุษหนุ่มเลิกคิ้ว “ข้าไม่ใช่คนเสียสติ ข้า…”

เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงบุรุษในห้องส่วนตัวทางนั้นตัดบทขึ้น “เหยียนจือ อย่าพูดมาก”

คำพูดสั้นๆ เยียบเย็นประโยคเดียวกลับทำให้บุรุษหนุ่มเก็บรอยยิ้มและปิดปากในทันที แล้วถอยไปข้างหลัง

เหยียนฟู่จือรอจนเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว จึงหันหน้ามาแค่นเสียงฮึ แล้วกล่าวกับเมิ่งถิงฮุย “ยังนับว่ารู้จักดูทิศทางลม” บุรุษในห้องส่วนตัวผู้นั้นฟังจากเสียงน่าจะอายุเพียงยี่สิบกว่า ถึงกับทำให้เขาสำรวมกิริยาเช่นนี้ได้ ชั่วขณะนั้นทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา อดที่จะหันหน้าไปมองอีกหลายครั้งไม่ได้ พอหันหน้ากลับมา กลับเห็นเมิ่งถิงฮุยมีท่าทีใจลอย นางจึงเอามือจิ้มๆ จอกสุราที่อยู่ตรงหน้าอย่างอับจนปัญญา “ข้าว่านะ ที่แท้แล้วมีเรื่องอันใดที่ทำให้เจ้าใส่ใจได้บ้าง”

เมิ่งถิงฮุยดึงสายตากลับมา ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “เรียนหนังสือ สอบจิ้นซื่อ เข้าราชสำนักเป็นขุนนาง”

“ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานเลยหรือ” เหยียนฟู่จือมองจ้องนาง “ตอนนั้นเสิ่นฮูหยินเจิงซื่อ เป็นขุนนางหญิงคนแรกในราชสำนัก ตำแหน่งขุนนางถึงตูเฉิงจื่อ ของสำนักกลาโหม สุดท้ายยังไม่ใช่กลัวแก่แล้วไม่มีคนต้องการ ถึงได้รีบลาออกมาแต่งงาน…”

เมิ่งถิงฮุยหลับตา “ไม่เคย”

ผู้ที่ไม่มีบิดา ไม่มีมารดา ไม่มีบ้าน ไม่มีญาติพี่น้องเช่นนาง จะมีใครอยากแต่งงานด้วย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com