เมิ่งถิงฮุยฟังแล้วนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจเรื่องในราชสำนักถึงเพียงนี้ แม้แต่เวลานี้นางกำลังกลัดกลุ้มด้วยเรื่องใดก็รู้อย่างชัดเจน ชั่วขณะนั้นหัวใจนางพลันหนักอึ้ง มือกุมห่อกระดาษจดหมายแต่กลับไม่พูด
ถ้านำจดหมายส่วนตัวหลายสิบฉบับนี้ไปทำการแลกเปลี่ยนกับสวีถิง เชื่อว่าสวีถิงจะต้องยอมรับปากว่านับแต่นี้ไปจะไม่ตีกลับหนังสือกราบทูลข้อคิดเห็นของฝ่ายคัดเลือกประเมินของกรมปกครองอีก และเรื่องที่นางต้องการจะโยกย้ายขุนนางเส้นทางเฉาอันสิบสามคนก็ย่อมราบรื่นไร้สิ่งใดมาขัดขวาง
คล้ายคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ อิ่นชิงจับตามองหัวคิ้วนัยน์ตานางอย่างละเอียด จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “ใต้เท้าเมิ่งไยไม่เอาจดหมายเหล่านี้ถวายเบื้องพระพักตร์โดยตรง ด้วยวิธีการปกครองที่แข็งแกร่งทรงพลังของฝ่าบาท การถอดถอนสวีถิงจากตำแหน่งรองเสนาบดีเป็นเพียงเรื่องไม่ช้าก็เร็ว”
เมิ่งถิงฮุยตื่นตะลึงอย่างมากอีกครั้ง
เมื่อครู่ตอนนางเห็นจดหมายเหล่านี้ อย่างมากก็เพียงคิดจะแอบ ‘ข่มขู่’ สวีถิง กลับไม่เคยคิดจะนำขึ้นถวายเบื้องสูงโดยตรง ลากสวีถิงลงจากตำแหน่งในคราเดียว!
ขุนนางผู้คุมอำนาจในราชสำนักแอบวิพากษ์วิจารณ์ความผิดของฮ่องเต้อย่างไม่ยั้งคิด ความผิดนี้จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ จะว่าเล็กก็เล็ก ต้องดูว่าที่ประชุมขุนนางมีความคิดเห็นอย่างไร ฮ่องเต้ตัดสินชี้ขาดเรื่องนี้อย่างไร สวีถิงเป็นรองเสนาบดีมาหลายปีไม่เคยทำความผิดใหญ่ ชื่อเสียงในกลุ่มบัณฑิต ในหมู่ขุนนางกลุ่มตะวันตกก็ดียิ่ง เพียงอาศัยจดหมายส่วนตัวไม่กี่สิบฉบับนี้คิดจะดึงเขาลงจากตำแหน่ง เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่เพียงพูดปากเปล่าก็จะสำเร็จได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องนี้ถ้านางเป็นผู้นำขึ้นทูลถวาย เหล่าขุนนางอาวุโสผู้สูงส่งเปี่ยมคุณธรรมในราชสำนักเหล่านั้นยังไม่รู้จะตำหนิอะไรนางอีก!
นางรู้นิสัยของฮ่องเต้ดี เขาเป็นคนที่ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นจะสำรวมไม่เผยความรู้สึกในใจ แต่เมื่ออยู่ลับหลังผู้อื่นจะเย็นชาและใคร่ครวญแผนการอย่างลึกซึ้ง อิ่นชิงบอกฮ่องเต้มีรูปแบบการปกครองที่แข็งแกร่งทรงพลัง คำพูดนี้นางฟังแล้วกลับรู้สึกถูกต้องอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่จัดการงานบ้านเมืองผิดพลาด ฮ่องเต้เคยมีสีหน้าอ่อนโยนดีงามให้เห็นหรือ หลายปีที่ผ่านมาเคยหย่อนยานเรื่องการปกครองและการทหารแม้แต่น้อยหรือไม่ แม้แต่เวลาที่นางอยู่ด้วยกันตามลำพังกับฮ่องเต้ ในคำพูดคำจาก็ยังมีเรื่องของราชสำนักปะปนอยู่บ่อยครั้ง ยิ่งไม่เคยมีสักครั้งที่ฮ่องเต้จะละทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้เป็นกษัตริย์ไปโดยสิ้นเชิง คนเช่นนี้จะยอมให้อานุภาพโอรสสวรรค์ของตนถูกล่วงเกิน และอัครเสนาบดีแอบมีใจเป็นอื่นได้อย่างไร
ถ้านางเอาจดหมายหลายสิบฉบับนี้ไปกล่าวโทษความผิดของสวีถิงว่าไม่อยู่ในครรลองขุนนาง ในสิบส่วนคงมีแปดเก้าส่วนที่จะทำให้สวีถิงหลุดจากตำแหน่งรองเสนาบดี แต่เหตุการณ์จะเดินไปสู่ผลลัพธ์เช่นไรกลับไม่ใช่สิ่งที่นางจะคาดเดาได้ในเวลานี้ นางเพิ่งจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นขุนนางใหญ่สองฝ่ายก็ ‘ลงมืออย่างโหดเหี้ยม’ เช่นนี้ต่อรองเสนาบดีสำนักการปกครองฝ่ายซ้ายของราชสำนักแล้ว อีกทั้งยังเป็นการกล่าวโทษอัครเสนาบดีโดยใช้จดหมายส่วนตัวของขุนนางอาวุโสที่ถึงแก่กรรมไปแล้วอีกด้วย! แม้แต่ตัวนางเองก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ออกจะทำให้คนรู้สึกรังเกียจ ถึงตอนนั้นคิดว่าเหล่าขุนนางอาวุโสในราชสำนักย่อมจะด่านางจนไม่เหลือชิ้นดี…คนที่สง่าผ่าเผยจะแอบไปเสาะหารวบรวมจดหมายส่วนตัวของผู้อื่นได้อย่างไร
ถึงตอนนั้นสวีถิงจะถูกฮ่องเต้ถอดจากตำแหน่งรองเสนาบดี ชื่อเสียงในราชสำนักของนางเมิ่งถิงฮุยก็ต้องเสื่อมเสียอย่างสิ้นเชิง
เหล่าขุนนางในราชสำนักที่อวดอ้างว่าตนสูงส่งเปี่ยมคุณธรรม แต่ไรมาไม่เคยสนใจว่าที่แท้แล้วเจ้าถูกหรือผิด ต่อให้คำพูดของเจ้ามีหลักฐานอ้างอิงได้ มีเหตุผลตรงไปตรงมาใช้ถ้อยคำระมัดระวัง แต่ถ้าสิ่งที่เจ้าทำ ‘ต่ำช้า’ ‘มืดมน’ ก็ไม่มีทางสลัดหลุดจากผลลัพธ์ของการถูกพวกเขาตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ด้วย ‘คำพูดที่มีเหตุผลและเต็มไปด้วยสัจธรรม’
แต่ไรมานางไม่เคยใส่ใจสิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงไม่ดีเหล่านี้ เวลานี้สิ่งเดียวที่นางใคร่ครวญคือคุ้มค่าหรือไม่ที่นางจะต้องสูญเสียชื่อเสียงอย่างมากเพื่อที่จะลากสวีถิงลงจากตำแหน่ง
อิ่นชิงเห็นนางยังคงครุ่นคิดไม่พูด ในดวงตามีประกายเข้าใจผุดขึ้น เขาเอ่ยว่า “ถ้านับแต่นี้ไปใต้เท้าเมิ่งไม่อยากถูกเหล่าขุนนางอาวุโสผูกมัดพันธนาการอีก สามารถพูดคุยเรื่องงานบ้านเมืองกับเหล่าขุนนางอาวุโสได้อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่จริง ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงห่วงหน้าพะวงหลังมากเพียงนั้น เมื่อใดที่สวีถิงหมดอำนาจหลุดจากตำแหน่ง คนในกลุ่มตะวันตกที่คอยประจบประแจงและแอบอิงผู้มีอำนาจเหล่านั้นจะต้องหันมาเข้าร่วมกับฝ่ายใต้เท้าเมิ่งอย่างแน่นอนเพื่อรักษาเส้นทางการเป็นขุนนางของตน และขุนนางคนสำคัญของกลุ่มตะวันออกก็ย่อมจะหวาดกลัวใต้เท้าเมิ่งด้วย ย่อมไม่เป็นเช่นเวลานี้ที่ขัดขวางใต้เท้าเมิ่งไปเสียทุกทางเช่นนี้ วันหน้าในราชสำนักนอกจากฮ่องเต้แล้ว ใต้เท้าเมิ่งยังต้องกลัวใครอีก”