เขาพลันพลิกตัวกดร่างนางไว้ใต้ร่างทันที ก้มหน้าลงสูดกลิ่นสุราที่ซอกคอนางลึกๆ ทีหนึ่ง คิ้วเข้มพลันเลิกขึ้น “ดื่มมากเพียงนี้ ข้าจะรอดู พรุ่งนี้เจ้าจะไปประชุมขุนนางตอนเช้าอย่างไร”
นางหัวเราะคิกๆ ยกมือขึ้นมาเกี่ยวคอเขา เลียนแบบคำพูดของเขา “ข้า…ข้าจะดู พรุ่งนี้เจ้าจะไปประชุมขุนนางตอนเช้าอย่างไร…”
เขายิ้มน้อยๆ อย่างอดใจไม่อยู่ ก้มหน้าลงจุมพิตเร็วๆ ไปที่ข้างริมฝีปากแดงอ่อนนุ่มเจือกลิ่นหอมของสุราหวานทีหนึ่ง “ในเมื่อคิดถึงข้าเพียงนี้ เมื่อวานเหตุใดจึงไม่ทำตามคำสั่งไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักรุ่ยซือ”
กลับมาที่เรื่องนี้อีกแล้ว
นางมุ่นหัวคิ้ว พยายามย้อนคิด แต่กลับคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ดูเหมือนนาง…ดูเหมือนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใดเขาจึงปรากฏตัวขึ้นในคืนนี้! ท่ามกลางความมืดนางพยายามมองหาดวงตาทั้งสองของเขาอย่างเหนื่อยแรง รอเห็นชัดแล้วนางก็ร้องขึ้น “ท่าน…มาหาข้าด้วยเหตุใดหรือ”
เขาบอก “เรื่องของสวีถิงเมื่อวานยังไม่ได้กำหนดลงมา มีพระบัญชาเรียกตัวเจ้า เจ้าปฏิเสธไม่เข้าเฝ้า วันนี้ในเมื่อกำหนดลงมาแล้ว มีพระบัญชาเรียกตัวเจ้า กลับยังคงหาตัวเจ้าไม่พบอยู่ดี ข้าเข้าใจว่าในใจของเจ้าอาจคิดเหลวไหลอีก จึงได้ ‘ลดฐานะสูงศักดิ์’ มาพบเจ้าด้วยตนเอง”
นางพยายามตั้งใจฟังเขาพูด แต่ในสมองกลับมีแต่แป้งเปียกฟังไม่เข้าใจ เพียงได้ยิน ‘สวีถิง’ อะไร ‘คิดเหลวไหล’ อะไร จึงเบ้มุมปากแล้วบอก “สวีถิง เรื่อง…เรื่องนี้…ข้าจะไม่คิดหน้าคิดหลัง…ได้อย่างไร…”
เป็น ‘คิดหน้าคิดหลัง’ ไม่ใช่ ‘คิดเหลวไหล’! นางฟังไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร แต่กลับแก้ไขคำพูดของเขาอยู่ในใจ บ่นว่าเขาไม่เข้าใจจิตใจของนางได้อย่างไร
เขานิ่งเงียบจับตามองนางนิ่ง
ย่อมเข้าใจจิตใจของนางแล้ว
เรื่องของสวีถิง นางฉลาดจนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
นางรู้ว่าถ้าเขาถอดถอนสวีถิงจากตำแหน่งรองเสนาบดีเพราะหนังสือกราบทูลกล่าวโทษของนางเพียงคนเดียวจะต้องถูกกล่าวหาว่า ‘ฟังความข้างเดียว’ ครั้นแล้วนางจึงชักจูงเลี่ยวฉงควนและกลุ่มขุนนางของสำนักตรวจการกลางมาร่วมกันยื่นหนังสือกล่าวโทษสวีถิง ทำให้เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วราชสำนัก ก่อกวนจนสุดท้ายหากเขาไม่ปลดสวีถิงจากตำแหน่งรองเสนาบดีจะถูกกล่าวหาว่าเพิกเฉยต่อคำทัดทานของสำนักตรวจการกลาง
ก่อนจะมีราชโองการอย่างเป็นทางการ นางรู้ดีว่าต้องหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย กลัวว่าการเข้าเฝ้าส่วนตัวของนางจะทำให้ผู้อื่นคิดว่าราชโองการของเขาขาดความยุติธรรมเพราะคำพูดของนาง จึงได้รอบคอบระมัดระวังเช่นนั้น ไม่กล้าทิ้งจุดอ่อนไว้ภายนอกแม้แต่น้อย
อันที่จริงเขาไม่เห็นเรื่องเหล่านี้อยู่ในสายตาสักนิด แต่นางกลับใส่ใจชื่อเสียงของเขา…ใส่ใจอย่างมาก ปูแท่นบันไดให้เขาเดินไปทีละก้าวๆ อย่างระมัดระวัง กลัวยิ่งว่าความประมาทเลินเล่อของนางจะพลอยทำลายชื่อเสียงดีงามของเขา
ถ้าไม่มีการ ‘คิดหน้าคิดหลัง’ ของนาง เกรงว่าเขาก็คงไม่อาจร่างราชโองการที่ทำให้ขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนทั้งราชสำนักเงียบเสียงไม่มีความเห็นต่างนี้ออกมาได้
แต่เขายอมให้นางดื่มสุราเมามายโดยไม่อาจครุ่นคิดใคร่ครวญเหมือนเช่นเวลานี้จะดีกว่า
นางที่ดื่มจนเมามายดูน่ารักและใสซื่อยิ่ง ดวงตาคู่นั้นดำขลับเป็นประกาย ใสกระจ่างดุจหัวใจดวงนี้ของนาง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 เม.ย. 67