ทว่าการปล่อยมือจากอัตรคุปต์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด นิสรีนรักเขามาสิบปี รักมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะตอบรับความรักนั้น แต่เมื่อรู้ว่านี่เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่งและเขาไม่ได้ถูกกำหนดไว้ให้เธอ สิ่งเดียวที่หญิงสาวทำได้ก็คือการปลดปล่อยทั้งเขาและเธอให้หลุดพ้นจากกันและกัน
ปล่อย…ให้อัตรคุปต์ได้มีอิสระที่จะรักกับนางเอกของเขา
แม้การไม่มีนางร้ายอย่างเธอเข้าไปข้องเกี่ยวอาจทำให้ชีวิตรักของทั้งคู่ขาดสีสันไปบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นไม่ได้คู่กัน
และปล่อย…ให้ตัวเองได้มีชีวิตใหม่ที่ไม่ต้องมีจุดจบอันเลวร้ายรออยู่ปลายทาง
ทว่าเรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด หลังจากนิสรีนตัดสินใจมอบของขวัญวันเกิดที่คิดว่าเขาอยากได้ที่สุดให้ ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับมัน คนที่เคยเย็นชาในความสัมพันธ์มาตลอด คนที่ทำเหมือนการคบหากันเป็นเพียงหน้าที่ แถมระหว่างการเดินทางกลับจากทริปฉลองครบรอบเจ็ดปีเพียงไม่กี่นาทีก่อนประสบอุบัติเหตุยังเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอ ‘ห่างกันสักพัก’ และเขาคนเดียวกันนั้นกลับพยายามยื้อความรักครั้งนี้เอาไว้จนสุดตัว
‘พี่คุปต์กลัวว่าถ้าไม่มีนางร้ายอย่างนีซ เรื่องราวมันจะเปลี่ยนไปจนพี่ไม่ได้เจอกับนางเอกเหรอ’ เพราะความสับสนในอกทำให้นิสรีนโพล่งคำถามออกไปตามตรง และนั่นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาแต่งแต้มไปด้วยริ้วแห่งโทสะ ดวงตาคมดุสีเข้มจ้องมองเธออย่างเย็นชา…หรือเปล่านะ
แวบหนึ่งที่นิสรีนตั้งคำถามกับแววตาของคู่หมั้นที่เธอเพิ่งถอดแหวนคืนให้ เมื่อภายใต้ความเย็นชาซึ่งเห็นเป็นประจำนั้นคล้ายจะมีแววตัดพ้อปรากฏอยู่
‘นีซคิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นเหรอ’ ชายหนุ่มเค้นเสียงถามลอดไรฟัน นัยน์ตาคมดุยังคงจับจ้องทุกอากัปกิริยาท่าทางของคู่หมั้นผู้ซึ่งเขาไม่ยอมรับการเลิกรา
‘ถ้าไม่ใช่ นีซก็ไม่รู้แล้วว่าทำไมพี่คุปต์ถึงทำแบบนี้’ ความสับสนฉายชัดบนสีหน้าและแววตาของหญิงสาว กุหลาบขาวแห่งอัศมาลย์จ้องหน้าเขาด้วยดวงตาวาวรื้น ริมฝีปากที่อัตรคุปต์เคยจุมพิตคลอเคลียนับครั้งไม่ถ้วนสั่นระริก ‘นีซรู้ว่าพี่คุปต์ไม่เคยรักนีซจริงๆ ที่เราได้คบกัน ได้หมั้นกันก็เพราะคำสัญญาที่คุณพ่อพี่เคยทำไว้กับคุณลุง’
คำสัญญาที่อีกไม่นานเจ้าของตัวจริงจะกลับมาทวงคืน…ช่องว่างซึ่งนักเขียนวางไว้เพื่อให้ความรักของพระนางกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะนางร้ายอย่างเธอเป็นแค่ ‘ตัวแทน’ เท่านั้น
‘เพราะคำสัญญานั่น เพราะบ้านเราทำธุรกิจร่วมกัน ตลอดมาพี่คุปต์ถึงได้อดทนยอมคบกับนีซ’ นิสรีนระบายสิ่งที่เธอรู้แต่ไม่เคยยอมรับออกไปตามตรง ดวงหน้างดงามสมกับเป็นนางเอกละครชื่อดังเชิดขึ้น พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงหล่นแล้วสร้างความสมเพชให้กับเขาอีก ‘แต่อีกไม่นานพี่คุปต์ก็จะได้เจอกับคู่หมั้นตัวจริงของพี่ นางเอกตัวจริงที่พี่จะรักแล้ว’
และเมื่อนั้นข้างกายเขาก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับนางร้ายอย่างเธออีกต่อไป
‘นีซไม่อยากเป็นนางร้าย’ หญิงสาวสารภาพเสียงเครือ ‘นีซอาจไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่มีใครอยากเป็นนางร้ายหรอกนะ’ ดวงตาสวยเฉี่ยวเริ่มพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา ‘นีซรู้แล้วว่านีซเป็นคนที่พี่คุปต์รัก เป็นนางเอกของพี่คุปต์ไม่ได้จริงๆ เพราะงั้น…’ ทั้งที่พยายามสะกดกลั้นไว้เต็มที่ ทว่าการบอกลาและปล่อยมือจากความรักที่ไขว่คว้าและหวงแหนมานับสิบปีก็ทำให้เธอทรมานเหลือเกิน จนสุดท้ายหยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงบนผิวแก้ม
‘เพราะงั้นเราเลิกกันตั้งแต่ตอนนี้เถอะนะ’
เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ ตั้งแต่ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ก้าวเข้ามา เธอจะได้หลุดพ้นจากชะตานางร้ายที่ถูกลิขิตไว้
เพราะม่านน้ำตาที่บดบังทัศนวิสัยทำให้นิสรีนมองไม่ชัดว่าคู่หมั้นหนุ่มมีสีหน้าอย่างไร แต่ที่เธอรู้คืออัตรคุปต์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่นทำให้หัวใจซึ่งยังอัดแน่นไปด้วยความรักที่มีต่อเขาหดเกร็ง
อีกแล้ว…
พี่คุปต์รำคาญ เบื่อหน่ายจนถอนหายใจใส่กันอีกแล้ว
มือเรียวกำเข้าหากันแน่นจนเล็บยาวซึ่งได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีจิกเข้าผิวเนื้อ นิสรีนไม่รู้เลยว่าเธอเผลอทำสีหน้าเจ็บปวดขนาดไหน ทว่าคนมองอย่างอัตรคุปต์กลับเห็นมันอย่างชัดเจน…และพาให้ก้อนเนื้อในอกเขาบิดร้าวไปด้วย
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สายตายังจับจ้องวงหน้าเปื้อนน้ำตาของคู่หมั้น…ผู้หญิงที่รักเขามาสิบปี อัตรคุปต์เดินไปทิ้งตัวลงข้างเก้าอี้ของหญิงสาว มือใหญ่เอื้อมไปเช็ดน้ำตาบนดวงหน้าสวยอย่างอ่อนโยนจนทำให้คนที่ได้รับสัมผัสนั้นถึงกับสะดุ้ง
‘หึ’
ชายหนุ่มแค่นยิ้มหยัน ดวงตาแห้งแล้งเย็นชากับความจริงบางอย่าง
ความจริงที่ว่าตลอดมาเขาต้องเย็นชาหมางเมินใส่กันมากแค่ไหน แค่สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ถึงกับทำให้นิสรีนตกใจได้มากขนาดนี้
ไอ้คุปต์ ไอ้โง่
หลังบริภาษตัวเอง อัตรคุปต์ก็ทอดมองคนรักด้วยแววตาอ่อนลง
‘ร้องไห้ทำไม’
‘…’
ไม่มีคำตอบจากคนที่ยังมองเขาด้วยแววตาตกตะลึง มือหนายังคงเช็ดน้ำตาที่หลั่งรินไม่หยุดด้วยความปวดใจ
ใครล่ะจะทนเห็นน้ำตาของคนที่ตัวเองรักไหว โดยเฉพาะเมื่อเธอร้องไห้เพราะเขา…เพราะอยากเลิกรากับเขา