LOVE
ทดลองอ่าน OOC I พลิกรักสลับบท บทที่ 2-บทที่ 3
“ถ้าแค่จะแต่งงานกัน แล้วทำไมคุณนีซต้องถอดแหวนหมั้นออกด้วยล่ะคะ” ดวงตาคมกริบมองไปทางคนถาม อัตรคุปต์จำได้รางๆ ว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นนักข่าวสาวที่เคยมีปัญหากับคนรัก ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นแดงเรื่อขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ที่ผมให้ถอดเพราะจะเปลี่ยนวงใหม่ให้น่ะ วงนั้นมันสวยก็จริงแต่หนักไปจนผมกลัวว่านิ้วเล็กๆ ของนีซจะรับน้ำหนักไม่ไหว” ชายหนุ่มดึงมือซ้ายของคนรักขึ้นมาลูบด้วยท่าทางทะนุถนอม “แทนที่จะใส่แหวนเพชรเม็ดโตให้หนักนิ้ว เปลี่ยนเป็นแหวนเพชรน้ำงามวงเล็กๆ น่ารักที่ใส่ได้ทุกวันจะดีกว่า แล้วอีกอย่าง…” นัยน์ตาสีเข้มสบมองดวงตาสีน้ำตาลสวยซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนคู่นั้น “ถ้าจะต้องใส่แหวนหนักๆ ทั้งที นายหญิงคนใหม่แห่งมหัสวัตก็ควรสวมแหวนประจำตระกูลวงนั้นมากกว่า”
‘ประกาศแต่งแล้ว! เจ้าหญิงกุหลาบขาวกับผู้นำแห่งมหัสวัต’
‘สยบข่าวลือรักร้าว นักธุรกิจไฮโซหอบกุหลาบช่อโตประกาศแต่งงานกลางวงสัมภาษณ์’
‘อัตรคุปต์ย้ำชัด แต่งแน่นิสรีน!’
‘เรือล่มในหนองทองจะไปไหน ย้อนดูตำนานความรักระหว่างเจ้าชาย-เจ้าหญิงแห่ง MA Property’
‘ชาว MA Property เฮลั่น! หุ้นพุ่งพรวดเพราะข่าวการประกาศแต่งงานของสองทายาทผู้ก่อตั้งคนดังแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์’
“นี่มันอะไรกันตาคุปต์!”
เสียงแหลมสูงของสตรีสูงวัยผู้ทรงอำนาจแห่งตระกูลมหัสวัตดังลั่นห้องนั่งเล่นในคฤหาสน์มูลค่าหลายร้อยล้าน แท็บเลตราคาแพงถูกโยนลงบนโต๊ะราวกับสินค้าราคาถูก ซึ่งสำหรับนายหญิงใหญ่แห่งมหัสวัตอย่าง ‘คุณศจี’ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ดวงตาคมกริบของอัตรคุปต์ยอมละจากวงหน้างดงามของคนรักที่เอาแต่นั่งเชิดหน้าหลังตรงไม่ยอมพูดจาหันกลับไปมองย่าของตน เขาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ก็ข่าวแต่งงานของผมกับนีซไงครับ”
“แต่งงานอะไรกัน! ทำไมพวกเธอสองคนทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาฉันแบบนี้ฮะ!” คุณศจีโวยลั่น ดวงตาคมคล้ายคลึงกับหลานชายหันไปถลึงใส่ว่าที่หลานสะใภ้อย่างดุดัน “เธอใช่มั้ยนีซที่กดดันบังคับให้ตาคุปต์ประกาศแต่งงานกลางวงนักข่าวแบบนั้น! นี่คิดจะกดดันฉันงั้นเหรอ”
คำกล่าวโทษนั้นไม่ได้ทำให้นิสรีนตกใจอะไร กลับกันนั่นคือสิ่งที่เธอเดาเอาไว้อยู่แล้วตั้งแต่อัตรคุปต์ไปรับมาจากบ้านเพราะ ‘คุณย่ามีเรื่องจะคุยด้วย’
ก็นะ นอกจากคุณศจีจะไม่ชอบเธอเป็นทุนเดิมจนรู้สึกขวางหูขวางตาไปเสียทุกอย่าง คนที่ก่อนหน้านี้กระตือรือร้นรบเร้าจะแต่งงานให้ได้ก็เป็นเธอ ดังนั้นหากท่านจะเข้าใจแบบนั้นก็ไม่แปลกอะไร
“ไม่ใช่นีซค่ะ” หญิงสาวเอ่ยปฏิเสธ ดวงตาสวยเฉี่ยวเลื่อนขึ้นสบตาย่าของอดีตคนรักอย่างไม่หวั่นเกรงรังสีกดดันจากอีกฝ่าย
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้คุณศจีไม่พึงพอใจว่าที่หลานสะใภ้จากตระกูลอัศมาลย์คือท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมใครของเธอนี่แหละ
เด็กที่ไร้มารยาทไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ถ้าไม่ติดที่ลูกชายท่านสัญญาไว้กับราเชนล่ะก็ ให้ตายอย่างไรคุณศจีก็ไม่มีวันยอมให้หลานชายคนเดียวไปเกี่ยวพันด้วยเด็ดขาด
เพราะงั้น…ยื้อให้ไม่ต้องแต่งงานได้นานเท่าไรก็ยิ่งดี
แล้วนี่อะไร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่านและอัตรคุปต์มีความคิดเห็นตรงกันเรื่องยื้อการแต่งงานครั้งนี้ออกไปให้นานที่สุด แต่ไม่รู้เพราะอะไรอยู่ดีๆ หลานชายคนเดียวถึงได้เดินผ่าวงนักข่าวไปประกาศแต่งงานเสียอย่างนั้น
“คุณย่าคิดว่านีซจะกดดันบังคับอะไรพี่คุปต์ได้จริงๆ เหรอคะ” นิสรีนแค่นหัวเราะ ก้นบึ้งในดวงตาฉายแววเจ็บปวด “ถ้านีซทำได้…นีซคงได้ใช้นามสกุลมหัสวัตของคุณย่าไปตั้งแต่ปีก่อนแล้วล่ะค่ะ”
“แต่เดี๋ยวนีซก็จะได้ใช้แล้วไง” อัตรคุปต์ที่รู้ว่าคนรักกำลังคิดอะไรอยู่หันไปบอกเป็นเชิงปลอบโยน ก่อนจะกลับมาคุยกับย่าตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “นีซไม่ได้บังคับอะไรผมหรอก คุณย่าก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง กลับกัน…” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มหยัน “นีซบอกเลิกผมด้วยซ้ำ”
“ว่าไงนะ!” คุณศจีส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง เรื่องนี้ทำให้ท่านตกใจได้มากกว่าข่าวประกาศแต่งงานของหลานชายเสียอีก หญิงชราซึ่งยังมีสุขภาพกายและใจแข็งแรงดีหันขวับไปมองหญิงสาวที่จับจองตำแหน่งว่าที่สะใภ้มหัสวัตมาเกือบสิบปี “เธอบอกเลิกตาคุปต์?” พอคิดอะไรได้ท่านก็แค่นเสียงเยาะ “เหอะ ลูกเล่นไม้นี้ของเธอคงได้ผลจริงๆ นั่นแหละ”
จากที่เป็นฝ่ายไล่ตามจนทำให้ผู้ชายเบื่อหน่าย ดูท่ายายเด็กตระกูลอัศมาลย์จะเริ่มมีสมองมากขึ้นถึงได้เปลี่ยนไปใช้ยุทธวิธี ‘ปล่อยเพื่อจับ’ กระตุ้นความสนใจของหลานชายท่าน และจากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าอัตรคุปต์จะติดกับเข้าเต็มเปา
ทั้งนิสรีนและอัตรคุปต์มองออกว่าคุณศจีคิดอย่างไร หญิงสาวกำมือแน่น ดวงหน้างดงามเชิดขึ้น นัยน์ตาเฉี่ยวเคลือบคลอด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บใจระคนน้อยใจ
ที่ไม่ว่าอย่างไร…ในสายตาคุณศจี เธอก็ไม่เคยทำอะไรดีเลยสักอย่าง
ก็นะ…คงเพราะเธอถูกสร้างมาให้เป็นนางร้ายที่ย่าพระเอกไม่มีวันยอมรับได้ เพื่อเปิดทางให้ท่านมองเห็นความดีงามของนางเอกผู้มาทีหลังนั่นแหละ
“นีซไม่ได้เล่นลูกไม้อะไรอย่างที่คุณย่าคิด” นิสรีนย้ำ ดวงตาแข็งกร้าวขณะประกาศ “แต่นีซบอกเลิกพี่คุปต์จริงๆ เลิกแบบที่ไม่คิดจะข้องเกี่ยวกันอีก”
เพื่อหลีกเลี่ยงชะตากรรมนางร้ายที่ต้องตายอย่างอนาถ อยู่ให้ห่างจากพระนางของเกมกุหลาบได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี
“แต่พี่ไม่เลิก ไม่มีวันเลิกด้วย” คนโดนบอกเลิกหันกลับไปปฏิเสธเสียงแข็ง ดวงหน้าหล่อเหลามีเค้าโครงแบบชาวตะวันตกจากมารดาเลื่อนเข้าไปใกล้วงหน้างดงาม “ชาตินี้ทั้งชาตินีซกับพี่ต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดนั่นแหละ”
“พี่คุปต์!” หญิงสาวกรีดร้องเรียกชื่ออดีตคนรักเสียงแหลมอย่างไม่เกรงใจผู้ใหญ่อย่างคุณศจีอีกต่อไป ดวงตาสีน้ำตาลวาวรื้นทั้งสับสนทั้งโกรธเกรี้ยว “พี่คุปต์จะเอายังไงกันแน่! ตอนนีซอยากแต่งงานด้วย พี่คุปต์ก็เอาแต่ปฏิเสธ เอาแต่เลื่อนไปเรื่อยๆ แต่พอนีซไม่เอาแล้ว ไม่อยากยุ่งกับพี่อีกแล้ว พี่ก็มาทำแบบนี้ แกล้งกันแบบนี้พี่คุปต์สนุกนักหรือไง”
“ใครว่าพี่สนุก!” อัตรคุปต์ขึ้นเสียงกลับ แต่เมื่อเห็นร่างระหงสั่นไหว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาก็ลดเสียงให้เบาลง “พี่ไม่สนุกเลยสักนิดที่ถูกนีซบอกเลิกเพราะเหตุผลบ้าๆ นั่น นีซคิดว่าจะมีใครหน้าไหนมันดีใจที่ถูกคนรักบอกเลิกหรือไง”
ชายหนุ่มเสยผมด้วยท่าทางหงุดหงิด ไม่รู้เลยว่าทั้งคำพูดและท่าทางของเขากำลังทำให้หัวใจคนฟังไหวหวั่นขนาดไหน
เขา…คำพูดของเขา ท่าทางของเขา…กำลังให้ความหวังเธอ…
…ว่าไม่ใช่แค่เธอ…ที่รักเขา
ทว่าเมื่อนึกถึงท่าทีตลอดสิบปีของอัตรคุปต์ นึกถึง ‘ความจริง’ ที่ถูกลิขิตไว้ของเขาและเธอ นิสรีนก็จำต้องดึงสติและฉุดรั้งหัวใจตัวเองกลับมา หญิงสาวชักสีหน้าโกรธเกรี้ยวทั้งที่แววตาเจ็บร้าว
“พี่คุปต์อย่ามาอยากเอาชนะกับเรื่องนี้ได้มั้ย!” นิสรีนถอนหายใจ เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้า พยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นกว่าเดิมแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับเขาดีๆ อีกครั้ง “ตอนนี้พี่คุปต์อาจจะแค่รู้สึกเสียหน้า เสียอีโก้ที่อยู่ดีๆ ผู้หญิงที่เคยตามตื๊อพี่มาตลอดเป็นฝ่ายบอกเลิก แต่พี่คุปต์ก็รู้ว่าระหว่างเรามันคืออะไร เป็นแบบไหน ดังนั้น…เราอย่ามาเสียเวลากันอยู่แบบนี้เลย”
ปล่อยเธอไปตั้งแต่ตอนที่ยังปล่อยได้ อย่าดึงรั้งนางร้ายไว้กับตัวแบบนี้
นั่นคือข้อความที่นิสรีนพยายามจะสื่อให้เขารับรู้
ทว่าอัตรคุปต์ก็ยังคงเป็นอัตรคุปต์อยู่วันยังค่ำ เป็นพระเอกผู้ถูกสร้างขึ้นมาให้สมบูรณ์พร้อมในทุกๆ เรื่อง ยกเว้นนิสัยเอาแต่ใจและเผด็จการอย่างร้ายกาจ เพราะเขาไม่ฟังเธอเลยสักนิด ซ้ำดวงตาสีเข้มคู่นั้นยังมองเธอด้วยแววตาแห่งความผิดหวัง
“นีซคิดว่างั้นเหรอ” น้ำเสียงของชายหนุ่มแหบแห้งลง เช่นเดียวกับประกายตาซึ่งเคยสว่างไสวในหน่วยตาคมค่อยๆ อ่อนแสง “นีซคิดว่าพี่แค่อยากเอาชนะนีซงั้นเหรอ แค่กลัวเสียหน้าถึงขนาดจะยอมผูกมัดตัวเองไว้กับนีซเลยหรือยังไง เฮอะ” เขาแค่นหัวเราะ ศีรษะได้รูปโคลงไปมา ริมฝีปากหนาสีแดงจัดพึมพำเสียงเบา ทว่ากลับชัดเจนในโสตประสาทคนฟัง
“ถ้าไม่ใช่เพราะรัก…พี่จะไม่มีวันยื้อนีซไว้เด็ดขาด”