ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 98 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฟูมฟักจอมราชัน บทที่ 98

ขณะเดียวกันนั้นในจวนจวิ้นจู่ในเมืองหลวงของต้าฉินกลับมีฟายุฝนฟ้าคะนอง

วันนี้เซียวเยวี่ยเหอกลับมาจากกรมทหาร ตรงไปยังห้องของภรรยาเอกที่ไม่ได้ไปเหยียบมานาน ใช้ไม้เท้าในมือฟาดทุกอย่างที่มองเห็นอย่างบ้าคลั่ง

ฉีซืออินภรรยาเอกของเขาเพียงแค่เม้มปากแน่นและยืนเงียบๆ ไม่เข้ามาห้ามปรามใดๆ ส่วนเซินหยางจวิ้นจู่เมื่อได้ยินว่าบุตรชายทำตัวเสียสติก็รีบร้อนมาที่นี่ทันที

อันที่จริงนับตั้งแต่เซี่ยวเยวี่ยเหอขาพิการ เขาก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวมากขึ้น เซินหยางจวิ้นจู่สงสารบุตรชาย อีกทั้งเลี้ยงดูอย่างตามใจมาจนโต นางย่อมปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ

แต่หลังจากที่เขาถูกเซียวเหยี่ยนท่านปู่ของเขาดุด่าไปรอบหนึ่ง นิสัยเขาก็ดีขึ้นมาก หลังเข้ากรมทหารแล้ว แม้กลับจวนมาจะไม่พูดจาอะไรนัก แต่ก็ไม่เคยขว้างปาหรือทำลายสิ่งของอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้!

เมื่อเห็นห้องเละเทะไปหมด เซินหยางจวิ้นจู่ก็อดตวาดไม่ได้ “ไปหงุดหงิดอะไรมาจากข้างนอกอีกเล่า ถึงได้กลับมาอาละวาด ในจวนนี้ไม่มีผู้ใหญ่แล้วหรือ เจ้าเป็นใหญ่ในจวนแล้วหรืออย่างไร”

เมื่อครู่เซียวเยวี่ยเหอออกแรงมากไปจนอาการเจ็บขากำเริบ เขานวดน่องที่กำลังปวด พูดใส่ฉีซืออินผู้เป็นภรรยาเอกอย่างโกรธแค้น

“ข้าเป็นใหญ่ในจวนไม่ได้ ถึงได้มีคนทำตามใจตนเอง! ข้าขอถามสักหน่อยว่าเรื่องชาติกำเนิดของฮูหยินและบุตรสาวคนโตของแม่ทัพฉู่ใครเป็นคนพูดออกไป วันนั้นท่านแม่พาเจ้าไปเป็นแขกที่จวนใต้เท้าผู้ตรวจการ ผ่านไปไม่ถึงสองวันใต้เท้าผู้ตรวจการนั่นก็สั่งให้คนเขียนฎีการายงานความผิดเรื่องครอบครัวของแม่ทัพฉู่ การเอาเรื่องนี้ไปพูดต่ออย่างไม่ละอายใจเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่บุรุษทำ แต่เป็นเจ้าที่ปากมากเอาไปพูดต่อเช่นนั้นหรือ”

ฉีซืออินถูกสามีระบุตัวกล่าวโทษก็ไม่ได้แก้ตัว แค่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ สายตาจับจ้องถ้วยชาที่แตกละเอียดอยู่บนพื้นไม่พูดไม่จา

ถ้วยชานั้นเป็นสินเดิมของนาง มารดาผู้ล่วงลับเคยมอบให้นางตอนอายุหกขวบ โดยวาดรูปกล้วยไม้แล้วเอาไปเผาขึ้นรูปให้ด้วยมือตนเอง

เซินหยางจวิ้นจู่เมื่อเห็นฉีซืออินไม่โต้ตอบใดๆ ก็เพียงพูดกับเซียวเยวี่ยเหออย่างจนใจ “ข้าเป็นคนพูดเอง อย่าขึ้นเสียงใส่ภรรยาเจ้า! และข้าก็แค่คุยเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ไม่ได้ยุยงให้ผู้ตรวจการเขียนฎีกาเอาไปวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสียของผู้อื่นในท้องพระโรงเสียหน่อย ฉู่เซิ่นนั่นก็ปลอดภัยดีมิใช่หรือ เขายังไม่มาหาเรื่องที่จวนข้าด้วยซ้ำ แต่เจ้ากลับชิงขว้างปาจานชามของตนเองก่อนเสียแล้ว!”

เดิมทีเซียวเยวี่ยเหอก็คาดเดาไว้แล้วว่ามารดาเป็นคนเอาไปพูดต่อ แต่จะให้ว่ากล่าวมารดาโดยตรงก็ไม่ได้ จึงใช้ภรรยาเอกผู้เงียบขรึมพูดน้อยเป็นเครื่องมือ

ตอนนี้เมื่อเห็นมารดายอมรับแล้ว เขาก็ไม่ระงับโทสะอีกต่อไป ถลึงตากล่าวขึ้น “ท่านแม่เป็นคนช่างพูดตั้งแต่เมื่อใดกัน ต้องเป็นท่านพ่อที่ไปยุยงท่านแน่นอน เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้เหตุใดถึงงไม่ปรึกษาข้ากับท่านปู่เสียก่อน”

เซินหยางจวิ้นจู่เองก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน เดินเข้ามาตบบุตรชายของตนอย่างแรง “อ่านตำราไปมากมาย เรียนรู้มาเพื่อจะเป็นลูกเนรคุณเช่นนี้รึ ตอนนี้บิดาเจ้าถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้ว บุตรหลานสกุลเซียวเรามากกว่าครึ่งก็ถูกโยกย้ายไปอยู่โม่เป่ย ที่เหลือก็ถูกจัดระเบียบใหม่เข้าไปอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของฉู่เซิ่น เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงเมินเฉยต่อสกุลเซียวเราแล้ว! เจ้าเป็นบุตรหลานสกุลเซียว ไม่รู้หรือว่าตนเองควรทำสิ่งใด เวลานี้มัวแต่ออกหน้าช่วยทวงความเป็นธรรมให้ฉู่เซิ่น นึกว่าข้าเดาความคิดของเจ้าไม่ออกหรือ เจ้าตื่นเสียเถิด! ป่านนี้แล้วยังจะเฝ้าคิดถึง…”

เซินหยางจวิ้นจู่พูดออกมาครึ่งหนึ่งแล้วก็เหลือบมองฉีซืออินที่ยืนเงียบๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง จากนั้นนางก็เงียบไป

เซียวเยวี่ยเหอเองก็จ้องมองมารดาอย่างเย็นชา ก่อนจะหันกายเดินขากะเผลกออกไป

 

ที่กรมทหารในวันนี้ เวียวเยวี่ยเหอได้รับรายงานจากสายลับภายใต้บังคับบัญชาว่าคุณหนูใหญ่สกุลฉู่ซึ่งอยู่ที่ชนบทถูกฉงเจิ้งจวิ้นอ๋องรับไปหลบความวุ่นวายที่โม่เป่ยแล้ว

ตอนที่ได้ยินข่าวนี้เซียวเยวี่ยเหอรู้สึกทรมานใจอย่างยิ่ง เดิมทียังมีเวลาอีกหนึ่งปี…แต่เวลาหนึ่งปีนี้สวรรค์ไม่ให้เขาแล้ว!

หากมารดาไม่พูดมาก เรื่องก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้ และโม่เซี่ยวเหนียงก็คงไม่ต้องไปโม่เป่ยเพื่อเลี่ยงคำครหา

เขาอัดอั้นโทสะมาทั้งวัน ไม่รู้ว่าจะเอาไประบายกับใครดี เขาแค้นมารดาที่ขัดขวางเขาในตอนนั้น แค้นตนเองที่เหตุใดต้องแต่งงานกับฉีซืออินเร็ว และแค้นที่โม่เซี่ยวเหนียงไร้หัวใจถึงเพียงนั้น เหตุใดถึงไม่ยอมให้โอกาสเขาแม้เพียงนิดเดียว

เมื่อก้าวออกจากจวนจวิ้นจู่ เขาเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ อย่างไร้ทิศทาง สุดท้ายก็มาหยุดที่ตรอกมืดที่โม่เซี่ยวเหนียงเคยข่มขู่เขา

อิฐสีเทาที่กระดำกระด่างยังคงเป็นเช่นเดิม แต่ขาดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของหญิงงามไป เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เนิ่นนาน…

เวลานี้ในใจเขามีความอิจฉาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ปรารถนาให้ตนเองเป็นฮั่วสุยเฟิงที่ไม่มีบิดามารดา หากเขาได้อยู่ข้างๆ โม่เซี่ยวเหนียงจะมีความสุขเพียงใดกัน…

แต่ถ้าหากจวิ้นอ๋องผู้นั้นอยู่ข้างๆ ซื่อจื่อก็คงจะตบไหล่เขาแล้วบอกว่า ‘ซื่อจื่อ ท่านคิดมากเกินไปแล้ว!’

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

บทที่ 1 แค้นเก่า หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยา...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6

บทที่ 4 แป้งชาด ตอนตี้อีชิวกลับถึงกองเสวียนอู่ก็เป็นยามอิ๋นแล้ว ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็กำลังจะสว่าง เขาจึงมิได้นอนอีก ตัดสิน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 7-9

บทที่ 7 กิเลส หิมะแรกหลังย่างเข้าฤดูเหมันต์มาเยือนเมืองหลวง หิมะแรกเล็กละเอียด จากนั้นก็ค่อยๆ รุนแรงขึ้น ปกคลุมไปทั่ววัง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 10-12

บทที่ 10 เกล็ดย้อน สำนักเซียนอวี้หู หอฉีลู่ เซี่ยจิ่วเอ๋อร์กำลังซักเสื้อผ้า เสื้อผ้าของหวงหร่างมีมากเป็นพิเศษ อีกทั้งแบบ...

community.jamsai.com