ในเวลานี้เองโม่เซี่ยวเหนียงก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ “ท่านพ่อบ้าน ปีนี้ข้ากับท่านแม่ไม่กล้าไปขอเงินกับท่าน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อท่าน เหตุใดท่านถึงยังไม่ยอมเลิกรา ท่านลุงฉู่ผู้นี้ข้าบังเอิญพบเขาในอารามร้าง ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บเจียนตาย เขาจะไปหาสกุลโม่ แต่ท่านไม่ยอมสนใจ…เป็นข้าที่ขอร้องท่านแม่ให้ช่วยชีวิตเขา ล้วนเป็นความผิดข้าเอง ความผิดข้าเอง…” นางพูดจบอย่างขลาดกลัวแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น หูซื่อก็ถูกกระตุ้นจนความเศร้าท่วมท้นขึ้นมาเช่นกัน ร้องไห้ตามบุตรสาวไปด้วย
พ่อบ้านนึกไม่ถึงว่าลูกติดภรรยานอกสมรสผู้นี้จะเอ่ยปากขึ้นมาในเวลาเช่นนี้ อีกทั้งความหมายที่พูดมาล้วนเป็นการกล่าวหาว่าตนยึดเงินไป ช่างน่าชังจริงๆ! แต่นางกลับพูดด้วยท่าทางขลาดกลัว ดูเหมือนอ่อนแอรังแกง่ายยิ่ง ชวนให้ผู้คนสงสาร
เวลานี้เพื่อนบ้านก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา มีคนที่รู้เรื่องภายในเอ่ยขึ้นว่า “สกุลโม่ถึงกับกล้าทำการค้าที่ประหยัดเงินเช่นนี้ แต่งภรรยานอกสมรส ให้สตรีคลอดบุตรแล้วไม่ให้เงิน สองแม่ลูกนั่นอาศัยงานเย็บปักซักผ้าเลี้ยงชีพมาหนึ่งปีแล้วมิใช่หรือ”
“มีเงินเหม็นอยู่บ้างก็กล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นอันธพาลแล้วไม่ยอมรับผิด คนสกุลโม่ช่างหน้าไม่อายจริงๆ…”
“บุรุษผู้นั้นได้รับบาดเจ็บจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้ายังเห็นหูซื่อไปเชิญหมอและซื้อยา สตรีผู้นี้จิตใจดีเหลือเกิน แต่กลับถูกบุรุษหลอกลวงเสียได้…”
พ่อบ้านคิดไม่ถึงว่าแม้ตนเองจะเกณฑ์คนมาเช่นนี้ แต่กลับสร้างความอับอายขายหน้าให้คุณชายรองสกุลโม่เสียแล้ว ทันใดนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา ทว่าคำพูดของฉู่เซิ่นก็ตรงใจพ่อบ้านสกุลโม่พอดี จึงต้องฉวยโอกาสรีบจบเรื่องนี้
เดิมทีเขาอยากฉวยโอกาสทำให้หูซื่อต้องอับอาย ด่าว่าทุบตีสักยก แต่ตอนนี้ถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่าสกุลโม่แล้งน้ำใจ และบุรุษผู้นั้นก็ยืนด้วยสีหน้าถมึงทึง ทำให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะใช้อำนาจข่มเหงพวกนาง
เรื่องต่อจากนี้จึงไม่ต้องพูดกันให้ยืดยาว ทั้งสองฝ่ายทำหนังสือตกลงกันว่าไม่ติดค้างกันแล้ว จากนั้นฉู่เซิ่นก็ไปซื้อเสื้อผ้าจากร้านที่อยู่ถัดไปทั้งชั้นในและชั้นนอก แล้วให้หูซื่อกับบุตรสาวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนเสื้อผ้าเก่าๆ พวกนั้นก็ไม่เอาไปด้วย ไปเพียงตัวเปล่า สองแม่ลูกใหม่เอี่ยมตั้งแต่ข้างในจนถึงข้างนอก เดินออกจากกรงนกขมิ้นที่อยู่มาหลายปีต่อหน้าเพื่อนบ้านทั้งหลาย
ยามอยู่ต่อหน้าเพื่อนบ้าน หูซื่อสองแม่ลูกไม่ได้แต่งตัวดีๆ มานานแล้ว จนกระทั่งสองแม่ลูกล้างหน้าล้างตาหวีผมเรียบร้อย ปรากฏตัวด้วยอาภรณ์ใหม่เอี่ยมต่อหน้าผู้คนก็ชวนให้พวกเขามองกันจนตาค้าง นี่คือหญิงงามโดยกำเนิดทั้งผู้ใหญ่และเด็กเชียว!
มารดารูปร่างแบบบางแช่มช้อย เรียวคิ้วดวงตาบนใบหน้ารูปไข่ราวกับวาด ส่วนบุตรสาวก็ยิ่งงามผุดผาดใบหน้าเล็กเรียว
มีเสียงแผ่วเบาจากผู้ที่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่นดังขึ้นว่าบุรุษผู้นั้นคิดคำนวณเก่งนัก นี่เท่ากับซื้อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก ได้หญิงงามไปสองคนโดยไม่ต้องเสียเงิน!
โม่เซี่ยวเหนียงรู้ดีว่าสกุลโม่ไม่ยอมรับพวกนางสองแม่ลูก คราวนี้นอกจากไปจากที่นี่ก็ไม่มีแผนการอื่นแล้ว
นางจึงถือคติว่าตนเป็นเด็ก ไม่พูดจาส่งเดช เดินตามหลังหูซื่อไปตลอดทาง ส่วนหูซื่อก็เป็นคนที่ตัดสินใจเองไม่เป็นอยู่แล้ว เมื่อเผชิญกับความยุ่งยากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ก็สูญเสียความกล้าโดยสิ้นเชิง ปล่อยให้ฉู่เซิ่นจัดการทั้งหมด
หลังขึ้นรถม้าที่ฉู่เซิ่นจ้างมาจากจุดพักม้า นางถึงได้สติ น้ำตาคลอขณะเอ่ยถามฉู่เซิ่นอย่างทำอะไรไม่ถูก “คุณชายฉู่ ท่านจะพาข้าไปที่ใด”
เด็กน้อยฉู่สุยเฟิงนั่งพาดขาข้างรถม้า พอได้ยินเช่นนี้ก็หันกลับมาตอบ “แม่นางหู บิดาข้าชมชอบท่าน จะตบแต่งท่านเป็นภรรยา ย่อมพาท่านกลับไปเข้าห้องหอ!”
ฉู่เซิ่นลูบศีรษะบุตรชายบุญธรรม ยิ้มกว้างให้หูซื่อที่กำลังหน้าแดง
โม่เซี่ยวเหนียงลอบชำเลืองมองฉู่สุยเฟิงเด็กนั่น สมกับเป็นคนที่ภายภาคหน้าจะได้แต่งภรรยาถึงแปดคน มีลักษณะของคนไร้ศีลธรรมบ้าตัณหาตั้งแต่เด็ก
คนท่าทางหยิบหย่งเช่นนี้ถูกนักเขียนนิยายต้นฉบับสร้างขึ้นมาให้มีภาพลักษณ์เสเพลทรงเสน่ห์ ไม่ใช่เพียงถูกใจนักอ่านชายเท่านั้น แม้แต่นักอ่านหญิงก็ยังคอมเมนต์งานเขียนกันอย่างบ้าคลั่ง เรียกตัวเองว่า ‘หมายเลขเก้า’ พร้อมจะเติมเต็มที่ว่างของภรรยาคนที่เก้าของพระเอกทุกเมื่อ!
นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงดูอันธพาลน้อยได้ย่อมไม่ใช่คนที่รับมือง่าย ว่าที่บิดาเลี้ยงของนางผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
วันนี้แม้ว่าเขาจะช่วยกู้หน้าให้หูซื่อ แต่ก็น่าสงสัยว่าจะเป็นการไล่เป็ดขึ้นคอน* ไม่ให้หูซื่อมีโอกาสเลือก! ตอนนี้พอเห็นสายตาเร่าร้อนที่เขามองหูซื่อแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นสายตาหมายมาดว่าต้องได้มาครองอย่างเห็นได้ชัด!
จากเรื่องนี้เห็นได้ว่าการมอบชีวิตอุทิศหัวใจในยุคโบราณล้วนเป็นข้ออ้างที่เกิดจากตัณหาทั้งนั้น
หากมารดาผู้บอบบางผู้นี้ของนางมีเรือนร่างบึกบึนอย่างจางมามาเพื่อนบ้าน ไม่รู้ว่าคุณชายสกุลฉู่ผู้นี้จะยังตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานอยู่หรือไม่
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบ E-book ฉบับเต็มวันที่ 26 มิ.ย. 2568)