บทที่ 1
สิบปีก่อน
ดวงหน้าหวานละมุนนั้นชวนมอง ยิ่งพอเจ้าตัวคลี่ยิ้มยิ่งทำให้บรรดานักศึกษาชายหลายคนที่แอบมองอยู่ถึงกับเคลิบเคลิ้มไปกับดวงตาไร้เดียงสาแสนสดใส บ้างเพ้อพึมพำกับเพื่อนว่าอยากเป็นพี่รหัสคนที่หญิงสาวกำลังพูดคุยและมอบของบางอย่างให้ ส่วนบางรายถึงขนาดเหลียวหลังมองตามตาละห้อยเมื่อร่างบอบบางก้าวผ่านไป
พ้นอาณาเขตซุ้มที่นั่งของพวกรุ่นพี่ซึ่งอยู่กระจัดกระจายตรงบริเวณด้านหลังตึกคณะบริหารธุรกิจ เฟรชชี่สาวผิวพรรณขาวผ่องไว้ผมยาวดำสลวยผู้อยู่ในชุดเสื้อนักศึกษาขนาดพอดีตัวกับกระโปรงพลีตยาวเกือบถึงข้อเท้าจึงเดินกลับมายังซุ้มที่นั่งของเพื่อนนักศึกษาปีหนึ่งเอกการตลาดที่ตั้งอยู่ด้านหน้าตึกเรียนสูงห้าชั้น เธอหยิบบางอย่างจากถุงกระดาษแจกแก่เพื่อนๆ ที่เรียนกลุ่มเดียวกัน กระทั่งก้าวถึงโต๊ะตัวสุดท้ายซึ่งอยู่ใต้ต้นคูน
“ขนมจ้ะ”
บงกชวางกล่องขนมสองกล่องลงบนโต๊ะไม้ตัวยาว หนึ่งในสี่คนที่นั่งอยู่ชะโงกหน้าเข้ามาดู
“อะไรน่ะบัว”
คนถามคือชายหนุ่มรูปร่างผอมสวมแว่นสายตา เพื่อนผู้หญิงหน้าสวยตัวใหญ่ไว้ผมยาวที่นั่งข้างกันจึงพูดขัดขึ้น
“บัวบอกอยู่ว่าขนม หูหนวกหรือไงไอ้เก้ง” พัชรีใส่คำนำหน้าให้ชื่อเล่นของอิทธิราวสนิทสนมมานานทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงเดือนเดียว
“รู้แล้วน่าอุ้มว่าเป็นขนมแต่แค่อยากรู้ว่าขนมอะไร” อิทธิบอก ฝ่ายคนยืนตรงหัวโต๊ะซึ่งเป็นคนนำขนมมาให้เพื่อนๆ จึงเปิดฝากล่องกระดาษออก
“บลูเบอรี่ชีสพายจ้ะเก้ง”
อิทธิมองบลูเบอรี่ชีสพายขนาดเท่าฝ่ามือในถาดฟอยล์ไม่ทันบอกว่าน่ากิน เพื่อนคนผมสั้น รูปร่างเพรียวซึ่งนั่งอยู่คนละฝั่งก็ชิงพูดก่อน
“น่ากินจังบัว” มินตรามองชีสของโปรดพลางกลืนน้ำลาย “ขอกินเลยได้มั้ย”
“ได้สิ เราเอามาให้กินนี่นา” บงกชหัวเราะขำ
ทั้งสามคนไม่รอช้าหลังเจ้าของขนมอนุญาตต่างพากันแย่งคว้าช้อนพลาสติกตักขนมเข้าปากและเพียงกลืนคำแรกอิทธิก็ถึงกับชูนิ้วโป้ง
“ดิลิเชียส!”
“อร่อยจังเลยบัว” มินตราเห็นด้วยกับอิทธิ “ซื้อจากร้านไหนน่ะ วันหลังเราจะไปซื้อมั่ง”
บงกชก้มหน้า ทัดผมยาวเข้ากับหูก่อนตอบเสียงเบาอย่างขัดเขิน
“ไม่ได้ซื้อหรอกมิ้นต์ เราเพิ่งลองหัดทำน่ะ”
“เพิ่งหัดทำ!” พัชรีตาโต “ตายๆ ชาติก่อนทำบุญด้วยอะไรคะคุณหนูบัว ทำไมถึงได้สวย รวย แล้วยังทำขนมเก่งอีก ถ้าไม่บอกว่าทำเองเราต้องนึกว่าซื้อมาจากร้านดังแน่ๆ”
เสียงพัชรีดังลั่น บงกชเขินจนแก้มแดงเรื่อเหมือนกลีบกุหลาบ หากไม่ทันที่นักชิมตัวโตจะยกยอต่อว่าบลูเบอรี่ชีสพายของเพื่อนอร่อยกว่าร้านขึ้นห้างบางร้านเสียอีก เสียงหนึ่งกลับแทรกขึ้นมาในระดับความดังพอๆ กับเสียงของพัชรี
“แหงล่ะ ใครจะบอกว่าซื้อ”
ทุกคนเงียบกริบหลังได้ยินเสียงของบุคคลที่ห้า ขณะผู้นั่งอยู่ตรงด้านริมสุดของโต๊ะไม้ตัวยาวยังพูดต่อ
“ว่าไงล่ะ ซื้อมาจากไหน”
เงียบอยู่อีกไม่กี่วินาที บงกชถึงเอ่ยตอบอย่างใจเย็น
“ไม่ได้ซื้อจ้ะนิ้ง เราทำเอง” บงกชสบตาดุสิตาซึ่งกำลังเบะปากใส่ตน
“เชื่อตายล่ะ” ดุสิตาพูด พอใจที่เห็นบงกชหน้าเสีย ขณะเพื่อนคนอื่นเห็นเช่นกัน
“หยุดหาเรื่องบัวได้แล้วนิ้ง”
พัชรีออกโรงปกป้องเพื่อนคนสวยผู้บอบบางราวกระต่ายขาวตัวน้อยเพราะดูท่าแล้วนางหมาป่าอย่างดุสิตาคงต้องเจอกับนางเสืออย่างตนถึงจะเรียกได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสี ดุสิตาชักสีหน้า
“หาเรื่องที่ไหน เรื่องจริงทั้งนั้นแหละ มีเหรอที่หัดทำขนมครั้งแรกก็อร่อยเหมือนร้านทำ ใครเชื่อก็โง่ตายชัก”
“อ้าว”
อิทธิกับมินตราร้องพร้อมกัน ทว่ามินตราไม่ทันขยับปากแย้ง พัชรีก็ตอบโต้ไวกว่า
“จ้า แม่คนฉลาด” พัชรีประชดแถมยังเบะปากแบบเดียวกับที่ดุสิตาเพิ่งทำใส่บงกช “แต่ถึงพวกเราจะโง่ พวกเราดูออกหรอกว่าที่เธอหาเรื่องเป็นเพราะอิจฉา”
“อิจฉาอะไร” ดุสิตาขมวดคิ้ว พัชรีกอดอก ตั้งใจเลิกคิ้วยียวน
“ไหนเพิ่งวางท่าว่าตัวเองฉลาด แต่ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ออก อ่ะๆ เฉลยให้ก็ได้จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิด” พัชรีจ้องดุสิตาเป๋ง “เธออิจฉาบัวล่ะสิที่มีพร้อมทุกอย่าง แถมตอนเลือกดาวกลุ่มบัวยังชนะเธออีก เธอเลยอิจฉาคอยหาเรื่องบัว”