พัชรีเท้าความถึงเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนตอนเลือกดาวเดือนของกลุ่มเรียนเพื่อเป็นตัวแทนไปประกวดดาวเดือนคณะซึ่งดุสิตายกมือเสนอตัวเองแข่งขันกับบงกชก่อนจะลงท้ายด้วยการที่เจ้าตัวแพ้คะแนนไปอย่างเฉียดฉิว หากดุสิตากลับไม่ยอมรับผลโหวตง่ายๆ โดยให้เหตุผลว่าเพราะมีเพื่อนบางคนขาดเรียนจึงควรรอคะแนนจากเพื่อนเหล่านั้นก่อนซึ่งขัดกับมติของผู้ออกคะแนนนั่นก็คือเพื่อนๆ ในกลุ่มเรียนที่ไม่มีใครอยากเสียเวลากับเรื่องดังกล่าวอีก สุดท้ายตำแหน่งดาวกลุ่มจึงตกเป็นของบงกชเหมือนเดิม ดุสิตาเลยออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงต่อว่าทุกคนไม่ยุติธรรม
ดุสิตาลุกพรวดหลังโดนกล่าวหารุนแรง เธอตอบโต้ทันควัน
“ไม่จริง เราไม่ได้อิจฉา”
“เหรอออ” พัชรีลากเสียงยาว ก่อนหันไปถามอิทธิกับมินตรา “นิ้งบอกที่พูดหาเรื่องไม่ได้เป็นเพราะอิจฉาบัว เอ้า ใครเชื่อยกมือหน่อยดิ๊”
แน่นอนไม่มีใครยกมือสักคน อีกทั้งดุสิตายังได้ยินเสียงหัวเราะคิกดังจากโต๊ะข้างๆ ด้วย เธอหันขวับส่งสายตาดุไปยังเจ้าของเสียงขบขันซึ่งรีบก้มหน้าหลบ จากนั้นจึงหันกลับมาจ้องพัชรีที่ยังทำหน้ากวนแล้วคว้ากระเป๋าสะพายพรวดพราดออกจากโต๊ะที่นั่งด้วยความเจ็บใจ แต่พอถึงฟุตปาธหน้าตึกไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงนุ่มนิ่มกระหืดกระหอบร้องเรียก
“นิ้งจ๊ะ”
“อะไร!”
ดุสิตาหันขวับตะคอกลั่นจนไหล่เล็กบางของผู้ตามมาสะดุ้งเฮือก บงกชอึ้งนิดหนึ่งก่อนยื่นถุงขนมออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ พลางส่งยิ้มให้ด้วย…ทว่าเพียงแค่ยกริมฝีปากสูง จู่ๆ ดวงตาขุ่นของดุสิตากลับแปรเป็นวาวโรจน์น่ากลัว ทั้งเจ้าตัวยังเงื้อมือสูง แล้วในเสี้ยววินาทีก่อนมือข้างนั้นจะฟาดลงบนแก้มบงกชซึ่งกำลังหลับตาปี๋กลับมีอีกมือจากทางด้านหลังคว้าไวมายังข้อมือของดุสิตาเสียก่อน
มือใหญ่แข็งแรงดั่งคีมเหล็กคว้าข้อมือเล็กไว้ได้ทันท่ามกลางเสียงร้องตกใจของผู้เห็นเหตุการณ์ และยังดึงข้อมือดุสิตาลงอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งกระชากตัวเธอออกห่างจากบงกช
ร่างสูงเพรียวเซถลาตามกำลังแรงจนเกือบล้ม ดีว่าเจ้าของมือยังจับข้อมือไว้หญิงสาวจึงไม่หงายหลังก้นจ้ำเบ้าให้ขายขี้หน้า อย่างไรก็ตามแม้จะสามารถช่วยไม่ให้บงกชโดนตบได้อย่างเฉียดฉิวและช่วยดุสิตาไม่ให้ล้มหงายหลังได้แล้ว เขากลับยังไม่ยอมปล่อยข้อมือตัวการก่อเรื่องอยู่ดี
ดุสิตาจึงกระชากข้อมือคืนแต่อีกฝ่ายกลับบีบแน่นกว่าเดิม เธอจึงแผดเสียงโวยวาย
“ไอ้บ้า! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หลุดด่าพระเอกขี่ม้าขาวจอมสอดพร้อมกับเงยหน้า ครั้นเพิ่งเห็นชัดว่าตัวเองกำลังด่าใครก็เกิดเย็นสันหลังวาบ
พี่ริ้ว
ดุสิตาตาเหลือกมองรุ่นพี่ปีสี่เจ้าของฉายา ‘ผ้าขี้ริ้ว’ ที่พวกเพื่อนปีหนึ่งลือกันว่าดุกว่าพี่ว้ากทั้งหมดรวมกันเสียอีก เธอก้มหลบนัยน์ตาดุดันสีเข้มหมดสิ้นฤทธิ์เดชทันใด
“มีเรื่องอะไร”
ภัทรยศส่งเสียงดุก่อนยอมปล่อยมือหญิงสาวที่ตนไม่เคยเห็นหน้า แต่จากท่าทางกลัวตนหัวหดทำให้เขาเดาไม่ยากว่าเจ้าตัวต้องเป็นรุ่นน้องในคณะบริหารธุรกิจ
ปีหนึ่ง
ได้คำตอบภายในเวลาไม่กี่วินาทีหลังสังเกตเสื้อนักศึกษากับกระโปรงสั้นเท่าเข่าตัวใหม่เอี่ยม รวมถึงกระเป๋าสะพายหนังสีน้ำตาลใบใหม่นั่นด้วย ภัทรยศมองเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดซึ่งค่อยๆ เงยหน้าแต่ยังไม่กล้าสบตาตน กระทั่งเห็นเครื่องหน้างดงามครบทุกชิ้นบนดวงหน้ารูปไข่ของผู้ไว้ทรงผมบ็อบสั้นเท่าคาง โดยเฉพาะดวงตาคมเฉี่ยวสวยแปลกสะดุดตาก็เกิดเอะใจว่าบางทีเฟรชชี่คนนี้อาจเป็นคนเดียวกับที่เพื่อนๆ ฮือฮาเล่ากันว่าแม้จะคนละแบบแต่ก็สวยสูสีพอๆ กับบงกช…ส่วนนิสัยใจคอนั้นกลับแตกต่างราวนางฟ้ากับนางมาร
เกิดอคติแวบหนึ่งในตอนนึกถึงข่าวลือซุบซิบเรื่องวันคัดเลือกเดือนและดาวกลุ่มของเด็กปีหนึ่งเอกการตลาดที่ภัทรยศได้ฟังจากยุทธนาอีกทีและยังรวมถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วย แต่เพื่อความแน่ใจว่าไม่ผิดตัวภัทรยศจึงเปลี่ยนคำถาม
“ชื่อเล่นชื่อจริงว่าอะไร”
“นิ้งค่ะ ชื่อจริงดุสิตา”
ดุสิตาตอบเสียงอ่อยทั้งที่ในใจอยากตะโกนไล่คนตัวโตให้เลิกสอดเลิกขวางทางตนจะได้ตบบงกชให้หายแค้นเสียที ฝ่ายภัทรยศพอได้คำตอบยืนยันว่าคนที่ยืนจังก้าตรงหน้าคือนางมารตัวจริงไม่ผิดฝาผิดตัวเป็นแน่แท้ เขาก็กอดอกวางมาดเหมือนยักษ์แยกเขี้ยว
“มีเรื่องอะไรถึงขนาดต้องตบตีกัน” ภัทรยศถามถึงสิ่งที่เห็นตั้งแต่ตอนบงกชโดนดุสิตาตะคอก ซึ่งหากเขาไม่เดินผ่านมาพอดีป่านนี้เฟรชชี่ขวัญใจรุ่นพี่คงโดนตบกลิ้ง
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“มีค่ะ”
บงกชกับดุสิตาตอบพร้อมกัน ภัทรยศที่ยืนขวางระหว่างกลางตรงฟุตปาธขมวดคิ้วเหนือดวงตาเรียวสีเข้ม เขาประหลาดใจอย่างมากเพราะคำตอบของบงกชควรสลับกับดุสิตา แต่เพียงครู่เดียวเขาถึงเข้าใจว่าเหตุใดบงกชจึงตอบว่าไม่มีอะไร ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเขาเลยจัดการปัญหาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจดุสิตาที่ตั้งท่าอธิบายเหตุผล
“ถ้าไม่มีอะไรก็แยกย้าย”