สบดวงตากลมโตบนดวงหน้าหวานใส ภัทรยศเห็นชัดทีเดียวว่าบงกชโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับอีกคนที่หลังจากอ้าปากค้างก็ถลึงตาคมมองเขา แต่นักศึกษาหนุ่มไม่ปล่อยให้ใครมีคำถามหรือปล่อยให้ใครหาเรื่องใครอีก เขาใช้อำนาจรุ่นพี่ยุติปัญหา
“ไปได้แล้วบัว” เสียงภัทรยศอ่อนลง บงกชรับคำรีบหันหลังกลับซุ้มที่นั่ง จนเธออยู่ในระยะไกลเกินกว่าอีกคนจะตามไปทำร้ายได้อีก รุ่นพี่ตัวโตเลยค่อยหันไปทางคนที่จ้องหน้าตนเขม็ง
ดวงตาสวยแปลกตาคู่นั้นฉายชัดถึงความไม่พอใจแต่ภัทรยศไม่สนใจ เขาพูด
“อย่าให้เห็นว่าลงไม้ลงมือกันอีก”
เตือนแล้วจึงถือว่าหมดธุระ ภัทรยศก้าวไปทางเดียวกับบงกช ขณะดุสิตาเข้าใจว่าโดนข่มขู่ ดังนั้นจากที่แค่ฮึดฮัดเพราะทำอะไรบงกชต่อหน้ารุ่นพี่ไม่ได้เธอเลยไม่ยอมอีก หญิงสาวโมโหจนเลิกสนใจว่าใครเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องและใครคือคนที่คนในคณะต่างพากันกลัวหัวหด เธอก้าวเร็วๆ ตามร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬาที่เข้าใจว่าเขาเดินหนีจนทันไปขวางหน้า
ดุสิตาจ้องนัยน์ตาเรียวดุบนใบหน้าคมสันอย่างไม่เกรงกลัวและจงใจใช้สายตาดูแคลนคนที่แต่งตัวสมกับสมญานามผ้าขี้ริ้ว เธอมองเจ้าของผิวขาวแบบผู้มีเชื้อสายจีนตั้งแต่ศีรษะ ภัทรยศไว้ผมยาวพอๆ กับเธอแต่เขารวบเป็นจุกหลวมทำให้ผมตกปรกรุ่ยร่ายดูน่ารำคาญตา จากนั้นเธอไล่สายตาลงยังเสื้อเชิ้ตนักศึกษาปลดกระดุมทุกเม็ดจนเห็นเสื้อยืดลายกราฟิกสีดำมอมเหมือนกับกางเกงยีนซีดขาด กระทั่งมองต่ำถึงรองเท้าผ้าใบยี่ห้อคอนเวิร์สสภาพขะมุกขะมอมเธอก็เบะปาก หมดความเคารพต่อผ้าขี้ริ้วเดินได้
“เห็นใครๆ กลัวพี่จุ้ย นิ้งก็คิดว่าเพราะพี่น่าเคารพเสียอีก ที่ไหนได้ไม่เห็นน่าเคารพตรงไหน”
เมื่อหมดความยำเกรงดุสิตาเลยกล้าแผลงฤทธิ์เดช ขณะภัทรยศทีแรกยังตั้งตัวไม่ติดกับปฏิกิริยาที่พลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือกระทั่งตั้งตัวได้เขาจึงเอ่ยเสียงเข้ม
“พูดจาให้รู้เสียมั่งว่าใครเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง”
“เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ แต่…” ริมฝีปากบางได้รูปสวยเหยียดออก “ในเมื่อพี่จุ้ยลำเอียงทำตัวไม่น่าเคารพ นิ้งก็ไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดอีก”
“อยากเคารพหรือไม่เคารพก็ตามใจ แต่อย่ามากล่าวหากันเรื่องลำเอียง” ภัทรยศข่มอารมณ์ แต่อีกฝ่ายยังกวนอารมณ์ไม่เลิก
“กล่าวหาที่ไหน ตะกี้เห็นอยู่ว่าพี่จุ้ยเอียงกระเท่เร่”
“ยังไง”
ดุสิตาร้อง “เฮอะ” เสียงดัง “รู้หรือแกล้งไม่รู้ตัวกันแน่…ที่พี่ถามนิ้งกับยายบัวไงคะว่ามีเรื่องอะไรกันแล้วพอยายนั่นตอบไม่มี นิ้งตอบมี พี่กลับเลือกเชื่อยายบัวแถมยังขู่นิ้งเรื่องไม่ให้ลงไม้ลงมืออีก”
ภัทรยศกำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่ได้ขู่ แต่พูดไปเพื่อเตือนเพราะไม่อยากให้เรื่องถึงหูอาจารย์รวมถึงแม่ของบงกชต่างหากซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นคนตกที่นั่งลำบากย่อมเป็นดุสิตา ทว่าอีกฝ่ายกลับยังพูดเร็วราวกับรัวกระสุนปืนกลจนชายหนุ่มไม่มีจังหวะแทรก
“ทำไมคะ กลัวรุ่นน้องคนโปรดของพวกพี่เจ็บตัวหรือไงถึงได้หลับหูหลับตาเชื่อรีบบอกให้มันไปตรงอื่น แต่ทีกับนิ้งไม่เห็นพี่ถามสักคำว่ามันทำอะไรให้นิ้งถึงได้โกรธขนาดจะตบมัน”
ดุสิตาหยุดพูดโดยตั้งใจเว้นช่วงให้ถาม และภัทรยศก็ถามเพราะไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลำเอียงอีก
“บัวทำอะไร”
“มันยิ้ม”
ภัทรยศเลิกคิ้วเข้มอย่างไม่แน่ใจว่าหูฟาดหรือเปล่า กระทั่งดุสิตาบอกให้แน่ใจอีกรอบ
“บัวแกล้งเอาขนมมาให้นิ้ง แล้วมันก็ยิ้ม”
“จะบ้าเหรอไง!”
รุ่นพี่ตะโกนใส่หน้ารุ่นน้องคนที่เขาเห็นว่าไม่ใช่แค่ร้ายกาจ แต่ยังบ้าบอและเพี้ยนที่สุด ขณะฝ่ายถูกหาว่าบ้าหน้าตึงสวนทันควัน
“นิ้งไม่ได้บ้า บัวมันยิ้มให้นิ้งจริงๆ มันยิ้มเหมือน…”
“ประสาท!”
ภัทรยศทนฟังต่อไปไม่ไหว เขาอยากจับหัวดุสิตาโขกกับต้นไม้เพื่อให้สมองเข้าที่เข้าทาง แต่ดูเหมือนคนสมองไม่เข้าที่ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“ทำไมพี่จุ้ยถึงไม่ฟังให้จบก่อน แล้วทำไมทีกับยายบัวพี่พูดจาเพราะ แต่กับนิ้งมาตะคอกได้ไง คนอะไรไม่ยุติธรรม ลำเอียงชัดๆ!”
“เออ พี่ลำเอียงครับ!”