“บัวเอาขนมอะไรมาให้กูวะ บลูเบอรี่ชีสพายแบบหนก่อนหรือไง” ภัทรยศเอ่ยถึงขนมที่บงกชทำแจกคนในคณะซึ่งเขาเองเคยกินไปสองคำ
“คุกกี้” ยุทธนาตอบแล้วประจบ “กูขอกินคุกกี้ของน้องนางฟ้าด้วยคนนะมึง”
“เออ”
อนุญาตเพราะรู้แน่ว่าถึงปฏิเสธคงโดนแย่งกินอยู่ดี จากนั้นภัทรยศต้องทนฟังยุทธนาพร่ำเพ้อถึงความสวย ความรวย ความเพียบพร้อมของบงกชไปตลอดทาง
ถึงด้านหลังตึกคณะ ยุทธนารีบพุ่งไปยังโต๊ะที่อยู่ติดกับแปลงดอกไม้เล็กๆ เขากวักมือตะโกนเร่งภัทรยศเหมือนเด็กตะกละ
“เร็วสิวะไอ้ริ้ว กูอยากกินขนมแล้ว”
เจ้าของขนมสั่นศีรษะ นึกอยากแกล้งเดินช้าๆ แต่หากทำเช่นนั้นยุทธนาคงยิ่งส่งเสียงดังให้ขายขี้หน้าทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องปีสองกับปีสามซึ่งนั่งอยู่รอบๆ ภัทรยศเร่งฝีเท้ากว่าเดิมเล็กน้อยกระทั่งถึงซุ้มที่นั่งก็ปัดปอยผมข้างแก้มไปด้านหลังและลูบเหงื่อชื้นตรงหน้าผาก ขณะคนตะกละเอื้อมมือคว้าขวดโหลคุกกี้ ทว่าไม่ทันจับโดน มือเล็กๆ ของคนตัวเล็กไว้ผมทรงซอยสั้นกลับฟาดเผียะลงมา
“เจ้าของอนุญาตหรือยังเต้ย” ชโลธรพูดราวตัวเองเป็นแม่ยุทธนา ฟากเพื่อนนักศึกษาชายหล่อเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าซึ่งนั่งตรงกันข้ามยิ้มแล้วบอก
“ลองวิ่งมาขนาดนี้แปลว่าอนุญาตแล้วล่ะ ใช่มั้ยจุ้ย”
รุทธ์ถามเจ้าของทรงผมยุ่งที่หยุดยืนข้างชโลธร ภัทรยศพยักหน้า ยุทธนายักคิ้วกวนให้ผู้หญิงคนเดียวของโต๊ะ จากนั้นเขารีบนั่งลงข้างลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวเจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่ง รอคอยชิมขนมของรุ่นน้องคนที่ตนหมายตา
ภัทรยศหยิบโหลพลาสติกที่บรรจุคุกกี้โรยหน้าด้วยถั่วอัลมอนด์ เขากำลังจะดึงโบลายสก็อตสีชมพูออก แต่พลันนั้นกลับสังเกตเห็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลด้านหน้ารุทธ์เสียก่อน
“อะไรน่ะ”
“บลูเบอรี่ชีสพาย” รุทธ์บอก ภัทรยศพูดต่อ
“มีบลูเบอรี่ชีสพายด้วยรึ นึกว่ามีคุกกี้อย่างเดียวซะอีก”
พูดพลางวางโหลคุกกี้ลงเพื่อเปิดฝากล่องกระดาษ ภัทรยศเห็นบลูเบอรี่ชีสพายในถาดฟอยล์เหลืออยู่ประมาณเศษสามส่วนสี่ โดยเขาไม่ถือสาเรื่องชโลธรกับรุทธ์กินขนมก่อนโดยไม่ขออนุญาตเพราะรู้ว่ารสชาติของบลูเบอรี่ชีสพายฝีมือบงกชอร่อยจนยากอดใจไหว ภัทรยศหยิบช้อนพลาสติกอีกคันตักขนมกิน ทว่าพอสัมผัสถึงรสชาติเขาก็ทำหน้าแปลกๆ แต่กลับยังตักชิมอีกคำหนึ่ง
เสียงหัวเราะคิกของชโลธรทำให้ภัทรยศแน่ใจว่าไม่ใช่ขนมฝีมือบงกช เขานิ่วหน้าถาม
“ขนมใคร”
เพื่อนตัวเล็กจ้องตาเพื่อนตัวโต ตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ของนิ้ง”
ภัทรยศหยุดกึกหลังได้ยินชื่อ ฝ่ายรุทธ์เห็นอย่างนั้นเข้าจึงเอ่ยถึงคนที่เดินมาแจกขนมหลังบงกชไปได้ไม่นาน
“น้องเขาบอกทำเอง ตั้งใจทำมาแจกเพื่อนๆ พี่ๆ”
“แน่ใจว่าตั้งใจ” ภัทรยศไม่เชื่อ เขาถามผู้นั่งข้างรุทธ์ “ลองสักคำมั้ยไอ้เต้ย”
ยุทธนาส่ายหน้าดิก มองชีสกับบลูเบอรี่เยิ้มๆ ราวคือยาพิษ
“รสชาติเป็นไงวะ” คนไม่อยากชิมถาม ภัทรยศคว่ำนิ้วโป้งลง
“ห่วย รสชาติเหมือนคนทำไม่มีลิ้น”
“แรงไปน่าจุ้ย” รุทธ์แย้งและกำลังจะเตือนให้ลดเสียงวิจารณ์ แต่เขากลับโดนยุทธนาเหยียบเท้าเสียก่อน ขณะภัทรยศยังคงพูดตามความจริง
“ถ้ามีลิ้นต้องเอะใจแล้วมั้งว่าขนมตัวเองไม่อร่อย บลูเบอรี่ชีสพายอะไรรสหวานเจี๊ยบ ไม่มีความเปรี้ยวสักนิด หรือช่วงนี้มะนาวแพงเลยไม่ใส่น้ำมะนาวลงไป เอ้า ก็ยังดีวะที่ไม่เอาน้ำส้มสายชูมาใส่แทน ไม่งั้นคงพิลึกน่าดู แต่จะว่าไปถึงไม่ใส่น้ำส้มสายชูก็อย่ากินเลย ทิ้งดีกว่าเพราะรสแปลกแบบนี้น่าจะทำผิดสูตร ขืนกินต่อมีหวังท้องเสีย…โป้ยมียาแก้ท้องเสียเปล่า เราขอเม็ดนึงกินป้องกันไว้ก่อน”
แม้รู้เพื่อนพูดประชด แต่ชโลธรยังทำท่าหยิบยาจากกระเป๋าให้จริงๆ ทว่าไม่ทันเปิดกระเป๋าเสียงจากทางด้านหลังก็ทำเธอสะดุ้ง
“แล้วพี่โป้ยมียาแก้ปากเสียมั้ยคะ จะได้ให้พี่จุ้ยกินไปพร้อมกันเลย”
ทั้งคู่หันขวับ ชโลธรหน้าเจื่อน ส่วนภัทรยศดูแปลกใจมากกว่าตกใจเมื่อเห็นเจ้าของบลูเบอรี่ชีสพายยืนอยู่ด้านหลัง ดุสิตาขยับตัวไปใกล้ จ้องเขาด้วยแววตาวาวโรจน์ มือกำหนังสือนิยายที่ลืมไว้ตรงโต๊ะข้างๆ แน่น