LOVE
ทดลองอ่านเรื่อง ภาพ รัก ลวง บทนำ – บทที่ 5
ปกติในตอนเย็นภัทรยศมักมีนัดเล่นกีฬากับเพื่อนคณะเดียวกันและต่างคณะ แต่วันนี้หลังมีปากเสียงกับดุสิตาจนกลายเป็นเรื่องซุบซิบโจษจันภายในเวลาอันรวดเร็วเขาเลยยกเลิกนัดทั้งหมดเพราะไม่อยากตอบคำถามหรือฟังคำพูดกระเซ้าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวให้เสียอารมณ์
นักศึกษาหนุ่มลงจากรถเมล์ปรับอากาศ เดินเข้าซอยหนึ่งร้อยเมตรจึงถึงบ้านที่มีต้นบานบุรีเลื้อยอยู่ตลอดแนวรั้วยาว พอไขกุญแจผ่านประตูรั้วเข้าไปภัทรยศจึงเห็นรถยนต์จอดอยู่สองคัน เขาเดินผ่านพลางมองอย่างสังเกตพบว่าเป็นรถของคนไม่รู้จัก
ภัทรยศวางหน้าเฉยเมยหลังคนขับรถของรถยนต์คันหนึ่งมองมา เขาไม่พูดอะไรกับชายในชุดซาฟารีแล้วก้าวเข้าบ้านตึกสองชั้นที่สร้างมาตั้งแต่ก่อนตัวเองเกิดแต่สภาพทั้งภายในและภายนอกยังแข็งแรงสวยงามเพราะได้รับการดูแลอย่างดี
ภัทรยศผ่านหน้าห้องรับแขกได้ยินเสียงพ่อคุยกับแขกอย่างเป็นกันเองลอดออกมา เขาไม่แน่ใจว่าแม่ร่วมสนทนาอยู่ด้านในด้วยหรือไม่ กระทั่งไปถึงห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่มจึงพบแม่นั่งหันหลังคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ตรงโต๊ะกินข้าวตัวเล็ก
สตรีผมสั้นผิวขาววัยสี่สิบหกปีในชุดเสื้อผ้าลำลองสีอ่อนตัดเย็บอย่างดีเหลียวมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดตู้เย็น จากนั้นได้กรอกเสียงบอกปลายสายที่เป็นฝ่ายโทรมา
“เธอก็หยุดร้องไห้ก่อน ส่วนเรื่องนั้นน้าจะลองคุยกับเกียรติดู แต่น้าไม่รับปากนะว่าจะได้เรื่องหรือเปล่า”
ปลอบอีกเล็กน้อยแล้ววางสาย ณัฐมนถอนใจยาว หันร่างกายที่เริ่มออกท้วมเล็กน้อยมาทางบุตรชายคนเดียว
“ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะจุ้ย” แม่ถามลูกที่กำลังยกขวดน้ำดื่มอั้กๆ เนื่องจากปกติลูกมักกลับบ้านตอนหนึ่งถึงสองทุ่ม ภัทรยศวางขวดลงบนโต๊ะกินข้าว ไหว้แม่ก่อนเป็นฝ่ายถามกลับ
“ใครมาบ้านครับแม่ แล้วเมื่อกี้แม่คุยโทรศัพท์กับใคร”
เสียงดุทำณัฐมนนึกถึงทรงเผ่าตอนหนุ่ม เธอค่อนในใจว่าพ่อกับลูกชายช่างเหมือนกันไม่มีผิดตรงที่ชอบคาดคั้นเวลาเห็นอะไรไม่ชอบมาพากล
“เพื่อนเก่าเค้ามาเยี่ยมพ่อ” ณัฐมนตอบเพียงคำถามแรก เอ่ยถึงกลุ่มเพื่อนของสามีที่เมื่อกี้ตนต้อนรับอยู่ด้วย แต่เพราะมีโทรศัพท์ด่วนเข้ามาจึงต้องขอตัวออกจากห้องรับแขก ภัทรยศแสดงสีหน้าดูถูก
“มาเยี่ยมคนป่วย หรือมาประจบ? หรือมาของานเหมือนเพื่อนเก่าคนก่อนๆ ครับ?” ภัทรยศประชดจนโดนแม่ปรามด้วยสายตาให้เบาเสียงลง
“มาเพราะอะไรก็ช่างเถอะ ยังไงพวกเค้าก็มีน้ำใจมาเยี่ยมพ่อ”
“มาเพราะผลประโยชน์ทั้งนั้น แต่เอาเถอะ ยังไงพ่อชอบอยู่แล้วเวลามีใครเลียแข้งเลียขา”
“จุ้ย” คราวนี้ไม่ใช่แค่ปรามแต่ณัฐมนยังตำหนิเสียงเข้ม “อย่าพูดถึงพ่อแบบนี้ พ่อไม่เคยชอบให้ใครทำแบบนั้น แม่เองก็ไม่ชอบ แต่ทำยังไงได้ เขามาถึงบ้าน เราก็ต้องต้อนรับ” เสียงแม่อ่อนลงพลางบอกต่อมา “ไปสวัสดีเพื่อนพ่อสิ พวกเค้าพูดอยู่ว่าอยากเจอจุ้ย”
ริมฝีปากหยักหนายกสูงข้างหนึ่ง ภัทรยศรู้หรอกว่าเพื่อนพ่ออยากผูกไมตรีกับตนเหมือนคนอื่นๆ ที่เคยเจอมานับไม่ถ้วน อย่างเสี่ยรายหนึ่งที่เคยพบเขาตอนเรียนมัธยมปลาย เจ้าตัวถึงกับโอบบ่าวางท่าสนิทสนมราวเขาคือลูกหลานญาติสนิททั้งที่เพิ่งพบหน้าครั้งแรก ทว่าพอมาเจออีกหนตอนเขาเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง อีกฝ่ายกลับมองเหยียดปฏิเสธว่าไม่รู้จัก
ตอนแรกภัทรยศรู้สึกโกรธ แต่พอคิดได้ว่าเหตุการณ์นั้นให้ผลดีมากกว่าเนื่องจากทำให้เขาไม่ต้องคอยฟังคำพูดยกยอเลี่ยนหูกับการแสดงที่ดูฝืนเหลือทน เขาจึงจงใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อตัดความน่ารำคาญใจ โดยมีพ่อมองการกระทำของเขาด้วยความรำคาญตา
“เพื่อนพ่ออยากเจอ แต่พ่อคงอายไม่อยากให้ใครเจอจุ้ยหรอกแม่”
แม้หนนี้ไม่ได้ประชด แต่คนเป็นแม่ฟังแล้วกลับรู้สึกว่าลูกชายกำลังประชดพ่ออยู่ดี
“พ่อไม่เคยอายหรอก แต่จุ้ยรู้นี่นาว่าพ่อไม่ชอบเรื่องไว้ผมยาว มันดูไม่สุภาพ ไม่หล่อด้วย”
“ไม่หล่อ ไม่สุภาพก็ดีออกแม่ ไม่มีใครกล้ายุ่งกับจุ้ยด้วย”
ภัทรยศนึกขอบคุณเสี่ยคนที่ตนเพิ่งนึกถึงเมื่อสักครู่ซึ่งตอบรับคำทักทายของนักศึกษาที่เนื้อตัวเลอะเทอะจากการรับน้องด้วยสายตาดูถูกจนทำให้เขาค้นพบวิธีกรองคนบางประเภทออกจากชีวิต ณัฐมนสั่นศีรษะไม่เห็นด้วยกับคำพูดพลางมองเส้นผมรุ่ยร่ายข้างแก้มลูกชายที่หลุดจากจุกเล็กๆ ด้านหลัง
“ผมยาวแล้ว ตัดเสียทีเถอะ พ่อจะได้เลิกบ่นเสียที”
“บ่นเยอะๆ สิดี แม่จะได้ไม่เหงาไง จุ้ยจำได้นะว่าแม่เพิ่งพูดเรื่องพ่อมัวทำแต่งานจนไม่มีเวลาคุยกับแม่”
“เหงาไม่กลัว แม่กลัวพ่อเห็นผมจุ้ยแล้วโกรธจนความดันขึ้นมากกว่า” ณัฐมนเอ่ยถึงโรคประจำตัวของสามีที่เป็นเหตุให้ต้องหยุดพักตามคำสั่งหมอ “อ้อ ไม่ใช่แค่ตัดผม กางเกงยีนกับรองเท้าต้องซักด้วย…แม่รู้หรอกนะที่จุ้ยไม่ซักไม่ใช่เพราะเป็นคนสกปรก แต่เพราะอยากแกล้งให้พ่อขวางหูขวางตา”
แม่บ่นอย่างรู้จักนิสัยดื้อรั้น ฝ่ายลูกชายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แถมยังเปลี่ยนเรื่อง
“เมื่อกี้แม่คุยกับใครอยู่ครับ”
ทั้งที่ลูกเฉไฉไม่ยอมตอบเรื่องผมเผ้าเสื้อผ้า แต่ณัฐมนคร้านจะบ่นเรื่องที่พูดมาหลายปี เธอจึงยอมเปลี่ยนเรื่อง
“เมียเกียรติโทรมาฟ้องเรื่องเกียรติติดผู้หญิงคนใหม่”
“เรื่องเดิม” ภัทรยศเหนื่อยหน่ายและโมโหเรื่องแม่ต้องคอยตามแก้ปัญหาเดิมๆ ของเกียรติชัย ลูกชายของป้าที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งแม้เจ้าตัวจะมีอายุมากกว่าเขาห้าปี แต่กลับทำตัวเหลวไหลไม่เป็นโล้เป็นพายและที่หนักคือเรื่องเจ้าชู้มีเมียเรี่ยราด
“แม่ไม่ต้องช่วยพูดหรอก พูดไปก็เท่านั้น ยังไงพี่เกียรติก็มีเมียใหม่อยู่ดี อีกอย่าง เมียคนนี้เป็นคนแย่งพี่เกียรติมาจากเมียคนเก่าไม่ใช่เหรอ” ภัทรยศเอ่ย เขาจดจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าภรรยาคนปัจจุบันของลูกพี่ลูกน้องชื่ออะไร
“ไม่ได้หรอก แม่รับปากแล้วว่าจะช่วยพูดกับเกียรติก็ต้องพูด แต่จุ้ยไม่ต้องห่วง แม่ออกตัวไปว่าไม่รู้จะทำให้เกียรติกลับบ้านได้หรือเปล่า” เสียงณัฐมนอ่อนล้า ภัทรยศนั่งลงข้างแม่ บีบมือให้กำลังใจเพราะรู้แม่ไม่ได้ห่วงแค่เรื่องเกียรติชัยกับเมีย…แต่ยังมีอีกเรื่อง
“แม่อยากเอาพู่แพรมาเลี้ยง” ณัฐมนเอ่ยเรื่องที่เคยบอกลูกกับสามีหลายครั้ง “สงสารเด็ก ต้องเปลี่ยนแม่เป็นว่าเล่น ยังดีที่เกียรติเป็นผู้ชาย ขืนเป็นผู้หญิงแล้วพู่แพรต้องเปลี่ยนพ่อบ่อยๆ แม่ไม่ยอมแน่”