ฉันจะอายุครบเบญจเพสในวันนี้ คืนนี้ ตัวเลขพิศวงที่ว่ากันว่าจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงระดับเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนหลังมาให้ชีวิตใครต่อใครหลายคน แต่จะใช่ฉันด้วยหรือไม่ ฉันก็ไม่อาจคาดเดารับรู้ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังมีเมทิตย์อยู่ เขาที่สัญญาว่าจะไม่จากกันไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
“เบญจเพส…”
เสียงของฉันเอ่ยรำพึงขึ้นเบาๆ อย่างสะดุดกับความคิดอะไรบางอย่าง ฉันเองก็แทบจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ใช่สิ ก่อนที่เมทิตย์จะร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้ฉันฟัง ฉันได้ยินเรื่องราวประหลาดมาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นหน้า…ความมหัศจรรย์ของดาวตกในคืนเบญจเพส
ฉันเขยิบตัวเข้าไปใกล้จนสัมผัสกับกระจกกว้างนั้น
ถึงแม้ว่าห้วงหนึ่งของความรู้สึกจะร้องต่อต้านถึงความไม่น่าจะเป็นไปได้ของเรื่องเล่าอันแสนจะผิดที่ผิดทางนั้น แต่ยิ่งฉันเห็นป่าคอนกรีตที่ประกอบสร้างขึ้นมาด้วยอาคารสารพัดรูปทรงตรงหน้า หัวใจของฉันก็เหมือนจะถูกสูบหายไปด้วยความฝันในวันวานที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม
‘แกขอได้แค่ครั้งเดียว’
เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งในหู
‘อดีตที่แกขอจะเปลี่ยนไป’
อดีตที่เป็นบาดแผลที่ฉันอยากจะรักษามันให้หายขาด
‘แล้วจะส่งผลมาถึงปัจจุบันด้วย’
หากว่าคำขอวิเศษนั้นเป็นความจริง
“ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่ แค่ลองขำๆ”
ริมฝีปากขยับเป็นเสียงดังเท่ากระซิบ บอกย้ำกับตนเองราวกับต้องการหาที่พึ่งบางอย่าง ใจหลุดลอยไปเห็นภาพตัวเองกับแบบโครงสร้างอาคารสูง ภูมิทัศน์ที่อยู่รายรอบ คนจำลองที่เดินไปมาในแบบภาพสามมิติ โมเดลสีขาวสะอาดที่ประกอบสร้างเป็นชั้นๆ เห็นห้อง เห็นเครื่องเรือน และเห็นความฝันอยู่ที่นั่น
ดาวตก…
หัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้นเมื่อได้เห็นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า จุดเล็กๆ สว่างวาบขึ้นท่ามกลางผืนความมืดที่กางกั้นไว้เบื้องหน้า ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นเพียงแสงไฟที่สะท้อนมาจากตัวเมืองเท่านั้น แต่เมื่อมันค่อยๆ วูบตกลงมา ทิ้งรอยเป็นทางยาว ฉันก็รู้ว่าปาฏิหาริย์มาเยือนชีวิตฉันแล้ว
“ฉันขอย้อนเวลากลับไปเลือกเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แทน”
ฉันเผลอยกมือทั้งสองขึ้นมากุมกันไว้อย่างร้องขอ พูดออกมาเสียงดังราวกับเป็นพิธีการบางอย่าง และเพียงวินาทีเดียว ฉันก็รู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นมาสูบอากาศจนหมดไปจากห้อง ตัวของฉันแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่เท้าทั้งสองจะทรุดลงไปกองกับพื้นท่ามกลางกองผ้าห่มหนา
สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะแสงที่สาดเข้ามาจนร้อนผิว ฉันลุกขึ้นส่ายศีรษะไปมาแบบงงๆ มองไปรอบด้าน ไม่มีร่องรอยของเมทิตย์อยู่ เขาคงจะออกไปทำงานแล้ว ฉันอาจจะหลับลึกจนปลุกไม่ตื่น เมื่อขยับตัวก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ไม่ใช่กองอยู่ที่พื้นอย่างที่จำความได้ เมทิตย์คงจะอุ้มฉันกลับขึ้นมานอนบนเตียง
เกือบสิบนาฬิกาแล้ว
เมื่อฉันหันไปมองนาฬิกาของโรงแรมที่หัวเตียงก็ได้แต่เผลอหัวเราะออกมาเบาๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจจะโทรไปหาคนรักเพื่อต่อว่าเล่นๆ เสียหน่อยที่ไปโดยไม่ยอมปลุก แต่สัญชาตญาณบางอย่างก็ร้องเตือนให้ฉันเอะใจ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเมทิตย์อยู่ในเครื่อง กดดูแล้วดูอีกก็ไม่มี ย้อนดูจากประวัติการโทรก็ไม่มี บทสนทนาในแอพพลิเคชั่นต่างๆ ก็หายไปหมด ราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย
หัวใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เสียงร้องเตือนของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จดหมายอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับเรื่องงานจำนวนมากถูกส่งเข้ามา และงานที่ว่านั่นก็เป็นเรื่องสถาปัตยกรรมทั้งหมด ฉันนิ่งอึ้งไปและเริ่มต้นทบทวนความทรงจำอีกครั้ง ก่อนที่โทรศัพท์จะร่วงหล่นจากมือไปอย่างแทบจะสิ้นสติ
ฉันได้เป็นสถาปนิกสมใจแล้ว
ความทรงจำ ณ ตอนนี้บอกว่าในสมัยมัธยมฉันกล้าลุกขึ้นมาบอกแม่อย่างตรงไปตรงมาจนหันเหไปเรียนด้านที่รักตามที่คาดหวังทุกอย่าง ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ในบริษัทสถาปัตย์ระดับประเทศ และในความทรงจำนั้นก็ยังบอกอีกว่าการที่ฉันเลือกหันเหไปเรียนด้านการออกแบบทำให้ฉันไม่ได้ไปเรียนพิเศษสายสามัญอย่างที่เคย และนั่นทำให้ชีวิตนี้ฉันไม่เคยพบกับเมทิตย์เลยสักครั้ง
ฉันสูญเสียความรักที่ดีที่สุดในชีวิตไปเสียแล้ว!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ก.ค. 65 เวลา 12.00 น