“โห แค่เริ่มต้นก็ดีมากแล้วค่ะ อยู่ในตลาดไปนานๆ เดี๋ยวก็เก่งเอง ตอนแรกฉันก็ลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนกันค่ะ ผ่านไปสักปีสองปีก็อยู่ตัว ยิ่งถ้าห้าปีขึ้นไปนี่ยิ่งสบายเลยค่ะ”
ฉันพูดด้วยท่าทีเฉยๆ ถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่งเริ่มต้นเปิดพอร์ตหุ้นและเทรดหุ้นมาได้ไม่ถึงเดือน แต่เอาเข้าจริงฉันกลับคุ้นเคยกับโลกของตลาดหุ้นมาก มากจนฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้โกหกอะไร
“จริงเหรอครับ” เมทิตย์ฟังด้วยท่าทีที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ความจริงหนังสือเล่มนี้ผมก็อ่าน แต่สารภาพว่าอ่านไม่รู้เรื่องเลย อ่านไปได้สิบหน้าก็หลับแล้ว”
เมทิตย์ชี้ไปที่หนังสือ The Intelligent Investor หนังสือด่านสุดท้ายที่ชวินให้ฉันอ่าน ฉันแอบยอมรับในใจว่าเล่มนี้ยากเอาการ แต่ฉันกลับอ่านมันรู้เรื่องและเข้าใจมันได้ดีทีเดียว ในขณะที่เขาไม่เข้าใจก็คงจะไม่แปลก ขนาดชวินที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการอ่านยังบอกว่าต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเป็นเดือน
“เล่มนี้ยากค่ะ พูดถึงเรื่องการลงทุนด้วยหลักการวีไอ หนังสือเขียนมาจะร้อยปีแล้วค่ะ ภาษาก็จะโบราณๆ หน่อย อ่านยาก ไม่ค่อยเหมือนหนังสือสมัยนี้ ความจริงถ้าคุณเมทิตย์อยากได้หนังสือที่อ่านง่ายกว่านี้สำหรับการเริ่มต้นเล่นหุ้น ฉันพอจะแนะนำได้นะคะ เล่มนี้ไม่ค่อยแนะนำสำหรับมือใหม่ค่ะ”
ฉันตอบอย่างฉะฉาน และนั่นก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนตรงหน้ายิ้มกว้าง เขาเหมือนเด็กผู้ชายที่แอบเล่นอะไรอยู่คนเดียวจนเบื่อ แล้ววันหนึ่งก็มาเจอกับคนที่เล่นอะไรแบบเดียวกัน ฉันรู้สึกแบบนั้น ท่าทีเหมือนเด็กได้ของเล่นของเขามีเสน่ห์เสมอ แต่เขามักไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครได้เห็นนัก แต่อย่างน้อย ฉันคนนี้เวลานี้ก็ได้เห็นภาพตรงหน้านี้อีกครั้งในเวลาที่เร็วกว่าที่คิดไว้มาก
“พอดีละครเรื่องใหม่ผมต้องเล่นเป็นนักลงทุนน่ะครับ ในเรื่องมีการพูดถึงหนังสือเล่มนี้ด้วย ศัพท์เทคนิคเต็มไปหมด ผมยังกังวลเรื่องการออกเสียงอยู่เลย บางทีคนไทยไม่ได้ออกเสียงเหมือนต้นตำรับเป๊ะๆ น่ะครับ ผมเลยอยากรู้ว่าคนในวงการจริงเขาอ่านว่าอะไร”
ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“อย่างคำนี้ ผมอ่านว่าพีสแลชอี ถูกต้องไหมครับ”
เมทิตย์ถามต่อโดยเอาคำที่จดๆ ไว้ในโทรศัพท์ให้ดู ฉันชะโงกหน้าไปดูตามเขา แล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาน้อยๆ พร้อมกับส่ายหน้า
“อ่านว่าพีอีค่ะ ไม่ต้องมีสแลช”
ฉันตอบอย่างมั่นใจ ความจริงคำอ่านพวกนี้ไม่มีในหนังสือ แต่จากประสบการณ์การฟังลงทุนศาสตร์พอดแคสต์มาจนหูเปื่อย ฉันก็ค่อนข้างจะรู้ดีว่าคนในวงการนี้เขาอ่านออกเสียงแต่ละคำกันอย่างไร เมทิตย์เองเมื่อได้ฟังแล้วก็ทำท่าดีใจมาก ก้มหน้าลงจดคำไว้ในโทรศัพท์ของตนเอง
“ความจริงถ้ามีเรื่องอะไรพวกนี้ก็ปรึกษาได้นะคะ ยินดีค่ะ ฉันเองก็ชอบเรื่องหุ้นเหมือนกัน” ฉันเกริ่นพร้อมกับเบนสายตาไปทางนาฬิกาแขวนผนังเล็กน้อย “แต่ยังไงตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวไปเตรียมตัวประชุมก่อนนะคะ เหลืออีกแค่สิบนาทีเอง กลัวจะฉุกละหุกน่ะค่ะ”
“โอ๊ย ขอโทษทีครับ ผมก็ชวนคุยเพลินเลย คุณพอใจทำงานเถอะครับ ผมไม่กวนแล้ว”
ความจริงฉันไม่ได้มีประชุมอะไรทั้งสิ้น แต่ด้วยเงื่อนไขที่สร้างไว้ในตอนต้น ฉันจึงต้องประชุมทิพย์ตามที่บอกเขาไว้ อีกอย่างการทำท่าว่าสนใจการงานก็อาจจะช่วยสร้างบุคลิกที่แตกต่างให้เขาจดจำ
“งั้นคราวหน้าผมอาจจะขอรบกวนปรึกษาอีกนะครับ”
“ได้เลยค่ะ ถือว่าตอบแทนเรื่องรหัสไวไฟไปด้วยเลยนะคะ”
“งั้นผมขอสแกนไอดีไลน์ไว้หน่อยได้ไหมครับ เผื่อคุณพอใจมีอะไรให้ช่วยอีกจะได้สะดวกด้วย ไม่ต้องมัวมาเคาะประตู”
เขายื่นโทรศัพท์มือถือมาตรงหน้า ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า แต่ฉันรู้สึกเหมือนตอนที่ได้พบกับเขาวันแรกที่โรงเรียนกวดวิชา เด็กผู้ชายขี้อายคนนั้นที่มาแอบดักรอฉันก่อนเข้าห้องเรียน
“ได้เลยค่ะ” ฉันหยิบมือถือขึ้นมาเปิดคิวอาร์โค้ดให้เขาสแกนและแอดไลน์มา
“คุยกับคุณพอใจแล้วรู้สึกเหมือนคนเคยรู้จักกันมาก่อนเลยครับ คุ้นๆ ยังไงบอกไม่ถูก ผมรู้สึกเหมือนเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน” เมทิตย์พูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่ฉันคิดถึงเป็นที่สุด
กฎของการจีบดาราข้อที่ 5 : อาชีพดาราเจอคนมากมายและหลากหลาย เปลี่ยนสังคมเปลี่ยนสถานที่ทำงานตลอด ดังนั้นจงทำตัวให้เหมือนบ้าน อบอุ่นและปลอดภัย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 5 ก.ค. 65 เวลา 12.00 น