ขณะที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นฮวาคั่วชักกระบี่ออกมาจากข้างเอวของเขาแล้วพุ่งตัวไปหาคนที่กำลังขึ้นจากเรือลำเล็ก
‘เคร้ง…’
เกิดเสียงโลหะเสียดสีกัน และไม่ได้ยินเสียงสตรีกรีดร้องในบริเวณโดยรอบตามที่คาดคิดไว้ ทุกอย่างดูเหมือนจะมีการวางแผนไว้แล้ว
“กรมอาญาทำคดี แม่นางรีบหลีกทางโดยเร็ว!”
ฮวาหยางรู้สึกเจ็บแขนขึ้นมาทันที นางถูกคนที่อยู่ด้านหลังผลักออกไปอย่างแรงและเซออกนอกวงล้อม…
“…” ในฐานะนักฆ่าคนหนึ่งกลับถูกผู้ที่ล้อมจับมองข้าม รวมตัวกันเพิกเฉย ฮวาหยางรู้สึกสับสนชั่วขณะ แต่เมื่อมองเห็นทหารที่ซุ่มอยู่ด้านหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ และโอบล้อมฮวาคั่วผู้โง่เขลาชนิดที่ว่าถึงจะมีปีกก็หนีไม่พ้น ใจที่ไม่ยอมแพ้ดวงนั้นก็ดูเหมือนจะสงบลงเล็กน้อย
แม้ว่านางจะชื่นชอบการฆ่าฟัน แต่ก็เกลียดชังความยุ่งยากมาโดยตลอด
สถานการณ์เช่นวันนี้แม้ว่าสำหรับนางแล้วจะไม่ถึงกับต้องสูญเสียชีวิต แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องยุ่งยากจริงๆ ดังนั้นนางจึงบุ้ยปาก หยิบขนมเปี๊ยะหวานชิ้นหนึ่งมาจากแผงลอย ตัดสินใจเลิกงาน
“ศิษย์พี่!”
มีเสียงตะโกนอย่างน่าตกใจดังขึ้นจากด้านหลัง ขนมเปี๊ยะหวานที่เพิ่งเข้าปากแทบจะติดคอ
“ศิษย์พี่ช่วยข้าด้วย!”
เสียงวิงวอนปะปนกับเสียงสะอึกสะอื้นดังขึ้นอีกครั้ง ฮวาหยางฟังแล้วต้องกัดกรามแน่น ขนมเปี๊ยะหวานในปากแหลกละเอียด เกิดเสียงดัง ‘กรอด’ เสียงนั้นดังก้องท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด ฟังชัดเจนเป็นพิเศษ
ด้านหลังเริ่มมีเสียงฝีเท้าดังแว่วมา วงล้อมของกองกำลังทหารขยายออก ล้อมตัวนางเข้าไปด้วย
“…” นางเคยบอกกับทางหอร้อยบุปผาไว้แล้วว่าเวลาที่นางออกปฏิบัติหน้าที่ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นและไม่ชอบให้มีคนติดตาม นั่นก็เพราะกลัวจะเจอคนโง่เขลาเช่นนี้
ความหนาวเย็นที่มาอย่างกะทันหันเบื้องหน้าขัดจังหวะความคิดที่ล่องลอย ฮวาหยางเอนตัวหลบ เห็นคมกระบี่ผ่านหน้าไป เร็วมากจนทำให้นางหยิบกระบี่ไม่ทัน
ดูท่าครั้งนี้กรมอาญาคงจะใช้ยอดฝีมือที่หาตัวจับได้ยากแล้ว
ขนมเปี๊ยะหวานที่ถูกกัดไปเพียงครึ่งเดียวค้างอยู่ในปาก ดวงตาใต้ผ้าคลุมหน้าเป็นประกายขึ้นมาทันที
“ศิษย์พี่!” ฮวาคั่วฉวยโอกาสในระหว่างที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากันขยับไปอยู่ข้างๆ ฮวาหยาง ขณะกำลังจะพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือกลับถูกนางใช้สัญญาณมือห้ามไว้
เวลาต่อมากองกำลังทหารก็เข้าโจมตีพวกเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
แสงสีขาวหลายสายกระหน่ำลงมาราวกับสายฝน ฮวาหยางเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังแผงลอยขนมเปี๊ยะหวาน จากนั้นก็หยิบกระบองยาวที่พ่อค้าแม่ค้าใช้แขวนป้ายร้านขึ้นมาแล้วกระโดดตีลังกาออกไป
“อ๊าก!”
หลังจากเสียงยามนางลงสู่พื้นเงียบลง ทหารที่อยู่ตรงหน้าก็ร้องออกมาอย่างน่าเวทนา กระบองไม้ที่เสียบเข้าไปในเท้าขวาของเขาเวลานี้กลายเป็นจุดค้ำยันของนาง ฮวาหยางยันแขนแล้วกระโดดขึ้น กระโปรงสีทับทิมลายทองพลิ้วไหวภายใต้แสงสะท้อนของพระจันทร์ทำให้เห็นส่วนโค้งที่ยวนใจ เหมือนปลาจิ่นหลี่* หางยาวที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
เสียงน้ำดังตูม เกิดคลื่นลูกใหญ่บนผิวแม่น้ำฉินไหวที่เป็นประกายสว่างไสว เรือที่อยู่ใต้เท้าโคลงเคลงตามอย่างแรงหลายครั้ง
“ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“หุบปาก!” ฮวาหยางไม่เกรงใจแม้แต่น้อย กระโดดขึ้นไปกลางอากาศแล้วตวัดกระบองจนเกิดเสียงดังน่ากลัวขึ้นอีกครั้ง เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็สังหารทหารลดลงไปครึ่งหนึ่ง
วิทยายุทธ์อันโหดเหี้ยมเช่นนี้ย่อมเป็นที่ดึงดูดสายตาส่วนใหญ่เป็นธรรมดา ชั่วขณะหนึ่งกองกำลังทหารเกือบทั้งหมดต่างก็โจมตีไปที่ฮวาหยางเพียงคนเดียว