บทที่ 2
หลังนิ่งเงียบเป็นครู่ใหญ่ ในที่สุดในห้องประชุมก็มีคนส่งเสียงออกมา
“จะ…ให้หรือไม่” น้ำเสียงของหัวหน้าสำนักคุนหยางฟังดูไร้กำลังอยู่สักหน่อย
“ที่โม่ซั่งเฉินเขียนมานี้ จะเยอะเกินไปหน่อยหรือไม่” ประมุขตระกูลเซียวเลิกคิ้ว
เขาไม่ค้านว่าไม่ควรให้ของตอบแทนจำนวนหนึ่ง หากแต่ของเหล่านี้ก็เยอะเกินไปแล้วกระมัง
“ข้าคิดว่าข้อเรียกร้องของผู้อาวุโสโม่หาได้เกินไปไม่” ฉินจ้งเยี่ยกล่าว
ถ้าหากไม่ได้โม่อีเหรินลงมือช่วยเหลือ บัดนี้พวกเขาจะยังมานั่งอย่างสบายใจอยู่ที่นี่ได้หรือ
ของเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักตระกูลที่ปัจจุบันไม่ได้ดำรงอยู่แล้ว กล่าวให้ถูกต้องคือพวกมันไม่นับว่าเป็นของของพวกเขา
นอกเหนือจากนี้ผู้อาวุโสโม่ก็หาได้เรียกเอาสิ่งของจากพวกเขาไม่ ดังนั้น ‘รายการของกำนัล’ นี้จึงไม่เกินไปอย่างแน่นอน
“ความเห็นของข้าเหมือนกับของจ้งเยี่ย” มู่หรงฉางเฟิงกล่าวเช่นกัน
กล่าวตามตรง ‘รายการของกำนัล’ ของผู้อาวุโสโม่ถือว่าเกรงใจมากแล้วจริงๆ อย่างน้อยเขาก็ยังเหลือพวกอาวุธ อาวุธล้ำค่า อาวุธวิเศษต่างๆ ให้พวกเขา ไม่ได้เรียกร้องแม้แต่ชิ้นเดียว คำนวณให้ถูกต้องคือพวกเขายัง ‘ได้กำไร’ อยู่ไม่น้อย
“แม้ว่าสิ่งของที่เรียกร้องจะไม่น้อย แต่ของเหล่านี้ก็เป็นของที่คุณหนูอีเหรินพึงได้รับ” หัวหน้าสำนักชิงหยวนเองก็ไม่คัดค้าน
สำนักชิงหยวนมุ่งเน้นการฝึกร่างกายและฝึกบำเพ็ญ แม้จะมีกิเลสต่อของนอกกายบ้าง แต่สิ่งใดมิใช่ของของตนเอง ก็มิได้ให้ความสำคัญถึงเพียงนั้น
“เช่นนั้นหัวหน้าสมาคมทั้งสองคิดเห็นเช่นไร” ประมุขตระกูลเซียวเอ่ยถาม ต้องส่งมอบของมากถึงเพียงนี้ออกไป เขา…เจ็บใจยิ่งนัก
“…ให้” ต้องมองดูสมุนไพรจำนวนมากถึงเพียงนั้นลอยผ่านหน้าไปโดยไม่หยุดลงแม้เพียงชั่วครู่ เฟิงเจ๋อเองก็เจ็บใจเช่นกัน แต่ครั้นนึกถึงฝีมือการหลอมโอสถของอีเหรินน้อย…
ก็ได้ ไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆ
ส่งมอบของจำนวนมากเพียงนี้ออกไป ไม่แน่ว่าวันหน้าอีเหรินน้อยหลอมยาลูกกลอนมหัศจรรย์อะไรออกมา อาจจะใจกว้างส่งมาให้เขาส่วนหนึ่งก็เป็นได้
“เช่นนั้นก็ตกลงตามข้อเรียกร้องของโม่ซั่งเฉิน” เซียวชินกล่าวลงมติปิดท้าย “เถิงอวิ๋น เจ้าให้คนจัดการนับสิ่งของสักหน่อย แล้วจัดการเรียบเรียงสิ่งของในศิลาบันทึกให้เรียบร้อย จากนั้นก็เชิญให้ผู้อาวุโสเหยี่ยนกลับมารับไป”
“ขอรับ” เซียวเถิงอวิ๋นคิดอย่างเงียบๆ ในใจว่าอาจารย์ ของพวกนี้มีจำนวนมากยิ่งนัก อาจจะต้องนับกันนานทีเดียว
“ไม่ต้องรีบ เจ้าค่อยๆ ทำไป พวกผู้อาวุโสเหยี่ยนน่าจะยังไม่กลับมาเร็วปานนั้น” เซียวชินมองออกถึงสีหน้าลำบากใจของลูกศิษย์ของตนเอง จึงเอ่ยปลอบใจ
ไม่อาจปฏิเสธไม่มอบสิ่งของให้ได้ เช่นนั้น…ถ่วงเวลาไปอีกนิดก็ยังดี จะอย่างไรพวกเขาหลายคนก็ถูกศิลาบันทึกและวาจาไม่กี่คำของเขาทำเอาทั้งหน้าเปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา คับอกคับใจเหลือประมาณ
หากถ่วงเวลาไปสักนิด ทำให้โม่ซั่งเฉินหน้าเปลี่ยนสีได้สักหน่อยก็ดีเหลือเกินแล้ว…นี่เป็นความฝันงดงามของเซียวชิน