“ดินแดนเทพยุทธ์ อันที่จริงเล็กมาก เป็นเพียงดินแดนระดับต่ำแห่งหนึ่ง ไอวิเศษมีระดับความเข้มข้นต่ำ ระดับการฝึกบำเพ็ญก็ต่ำเช่นกัน ในดินแดนนี้บรรลุขั้นฟ้าได้ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือแล้ว หากแต่ดินแดนที่มารดาข้าอยู่นักยุทธ์ขั้นฟ้ามีอยู่เกลื่อนกลาด ถึงขนาดว่าราชันยุทธ์ก็ยังไม่นับเป็นยอดฝีมืออะไร”
“…” นี่จะล้มล้างความรู้เดิมเกินไปแล้ว!
ในดินแดนนี้ราชันยุทธ์เป็นยอดของยอดของยอดฝีมือแล้ว แต่ในดินแดนอื่นกลับไม่นับว่าเป็นยอดฝีมือ?!
เช่นนั้นต้องระดับใดถึงจะนับเป็นยอดฝีมือ
ประเดี๋ยวก่อน วิธีการพูดนี้ไฉนจึงดูเหมือนข้ออนุมานเรื่องมิติและระนาบที่เคยได้ยินในชาติก่อนเลยเล่า
“ระดับต่ำ? เช่นนั้นยังมีระดับกลางและระดับสูงอยู่อีกหรือ” โม่อีเหรินถามตามสัญชาตญาณ
“เจ้ารู้?!” คราวนี้เปลี่ยนเป็นไป่หลี่จิงหงประหลาดใจแทน
“ไม่รู้ แค่เดา” โม่อีเหรินทำสีหน้าบริสุทธิ์ไร้ความผิด
“…” ไป่หลี่จิงหงหมดคำพูด
“เรื่องนี้…เดาได้ง่ายยิ่ง มีระดับต่ำก็ต้องมีระดับสูง มิใช่การตอบสนองโดยสัญชาตญาณหรือไร”
“…” ปัญหาคือคนทั่วไปไม่มีทางมีสัญชาตญาณนึกคิดได้เพียงนี้
สำหรับคนในดินแดนเทพยุทธ์ ดินแดนแห่งนี้ก็คือโลกทั้งใบ ราชันยุทธ์ก็คือจุดสูงสุดของเส้นทางการฝึกยุทธ์ ถึงขนาดที่มีคนจำนวนมากชั่วชีวิตก็ยังไม่เฉียดใกล้ระดับขั้นราชันยุทธ์ และก็ไม่รู้ว่าเหนือขั้นฟ้ายังมีระดับขั้นราชันยุทธ์อยู่อีก
หากแต่นางประหลาดใจเพียงประเดี๋ยวเดียวก็รับได้แล้ว มิหนำซ้ำยังสามารถอนุมานจากเรื่องหนึ่งไปถึงเรื่องอื่นๆ เดาออกมาได้ว่ายังมีโลกอื่นอยู่อีก
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีท่าทางตั้งตารออยู่หน่อยๆ ด้วย
นี่ปกติหรือ
“จิงหง มารดาท่านเป็นคนจากดินแดนใด” โม่อีเหรินถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ดินแดนที่นางอยู่มีชื่อว่า ‘ดินแดนแรกนภา’ ที่นั่นสกุลไป่หลี่เป็นตระกูลใหญ่ และเป็นหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจกล้าแกร่งที่สุดในดินแดน”
“เช่นนั้นเหตุใดนางถึงมายังดินแดนเทพยุทธ์ ดินแดนเทพยุทธ์กับดินแดนแรกนภามีการติดต่อกันหรือ”
ไป่หลี่จิงหงส่ายหน้า กดพวงแก้มที่ถูกลมพัดจนเย็นเฉียบของนางเข้าในอ้อมอก แต่แล้วก็ไม่ใคร่พอใจ จึงเปลี่ยนมาโอบนางไว้ก่อนกางเสื้อคลุมห่อนางไว้ทั้งตัว ส่วนตนเองก็ยืนตรงช่องลม บังลมให้นางแล้วถึงค่อยๆ กล่าวว่า “ดินแดนเทพยุทธ์กับดินแดนแรกนภาหาได้มีการติดต่อกันไม่ ก่อนมารดาข้าจะมาถึง ในบันทึกสาแหรกสกุลไป่หลี่มีบันทึกไว้ว่าสกุลไป่หลี่แห่งเกาะหุนเป็นสาขาหนึ่งของสายตรงของตระกูล ภายหลังบนดินแดนเกิดอุบัติภัยใหญ่หลวง ด้วยเหตุนี้จึงขาดการติดต่อกับคนในตระกูลคนอื่นไป และเป็นเช่นนี้สืบต่อมาเป็นพันๆ ปี จนกระทั่งมาถึงรุ่นของบิดาข้า
มารดาข้าจู่ๆ ก็มาท้าสู้กับบิดาข้า ทั้งยังเอาชนะบิดาข้าได้ด้วย เงื่อนไขของนางในยามนั้นก็คือต้องการแต่งงานกับบิดาข้า
พอแต่งงานกันแล้ว นางถึงได้เปิดเผยฐานะ แม้ว่านางจะมีแซ่ว่าไป่หลี่ แต่อันที่จริงเป็นบุตรสาวบุญธรรมของตระกูล หาใช่คนในสกุลไป่หลี่อย่างแท้จริงไม่ หลังได้รับมอบแซ่ไป่หลี่ ถึงได้กลายเป็นคุณหนูของตระกูล
เวลานั้นนางมีพลังแก่นแท้แข็งแกร่งยิ่ง และยังมีนิสัยชอบวางอำนาจ หลังแต่งงานกับบิดาข้าได้หนึ่งปีและให้กำเนิดข้าออกมา ในวันที่ข้าอายุครบเดือน นางก็จากไป