บทนำ
เกิดเป็นคนธรรมดา แค่ได้เป็นสัตวแพทย์ที่มีปณิธานของตัวเองอยู่บ้าง มีอิสรเสรี ไม่ต้องแคร์สีหน้าผู้คน คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะถูกดึงเข้าไปในเรื่องสายลับระดับประเทศ แล้วยังถูกสายลับจากหลายประเทศห้อมล้อมไว้…สถานการณ์อย่างนี้เกินจริงไปไหม
โม่อีอยากแหงนหน้าถามพระเจ้าเหลือเกินว่าท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า!
แต่ปัญหาคือถึงตอนนี้จะแหงนหน้าก็มองไม่เห็นพระเจ้า เพราะพวกเขาทั้งหมดอยู่ในส่วนลับของยอดเขาลูกหนึ่งทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในถ้ำไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มีแค่แสงสว่างจากดวงไฟไม่กี่ดวง พระเจ้าก็ถูกกันอยู่นอกถ้ำโดยสิ้นเชิง
‘คุณโม่ ถ้าคุณยอมมาประเทศ A แล้วมอบของสิ่งนั้นให้กับประเทศเรา ประเทศเราจะต้องให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติในราคาสูงลิบลิ่วครับ’ สายลับประเทศ A เอ่ยปากพูดก่อนอย่างมีมารยาทมาก
‘คุณหมอโม่ เกิดเป็นคนประเทศ C ควรอุทิศตนรับใช้ประเทศชาติของตนอย่างสุดความสามารถ ของสิ่งนั้นเป็นของประเทศ C ครับ’ สายลับประเทศ C กล่าวขึ้นอย่างเด็ดขาด
‘คุณโม่ ประเทศ I เคารพในการตัดสินใจของคุณ ถ้าคุณโม่ยอมช่วยเหลือ นำของสิ่งนั้นมายังประเทศ I พวกเรายินดีจะมอบอภิสิทธิ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ ขอเพียงคุณโม่พูดมาประโยคเดียว ประเทศ I จะพยายามทำอย่างสุดความสามารถครับ’ สายลับประเทศ I กล่าวพลางยิ้มบางๆ อย่างเป็นสุภาพบุรุษ แฝงด้วยน้ำเสียงที่ฟังดู…โรแมนติกยิ่ง
‘คุณโม่งดงามตราตรึง เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถ้าอยากไปเที่ยวที่ฮวาตู ต้องให้ผมเดินทางไปด้วย ผมยินดีเป็นอัศวินที่จงรักภักดีที่สุดครับ’ สายลับคนนี้มาปฏิบัติภารกิจหรือมาชวนคุยกันแน่
‘คุณโม่…’
‘คุณโม่…’
พอที! ลองนับดู คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีสายลับจากเกือบสิบประเทศ นอกจากเธอที่ตัวคนเดียวแล้ว คนอื่นจะมีเพื่อนอีกคนมาด้วยเป็นอย่างน้อย
เฮ้อ…ที่จริงจะพูดว่าเธอตัวคนเดียวก็ไม่ถูก ถ้าหากจะดึงใครเข้ามาเป็นเพื่อนให้ได้ ‘สัตว์ตัวใหญ่มหึมา’ ด้านหลังนางก็น่าจะนับเป็นเพื่อนได้อยู่
โม่อีเป็นเด็กกำพร้า ตอนยังเป็นทารกก็ถูกนำมาทิ้งไว้หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเสียแล้ว ก่อนจะพบว่าตัวเองฟังสัตว์ทั้งหลายเข้าใจมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอไม่ได้บอกใคร ในช่วงที่เธอยังตัวเล็กอ่อนแอและโดดเดี่ยว สัตว์ทั้งหลายก็คือเพื่อนสนิทและเพื่อนเล่นของเธอ ด้วยเหตุนี้เธอจึงใฝ่ฝันอยากเป็นสัตวแพทย์
ต่อมาเธอก็กลายเป็นสัตวแพทย์จริงๆ ขณะรักษาก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นมากเพราะสามารถฟังสัตว์ทั้งหลายเข้าใจ ทำให้เธอจึงนับว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้างเล็กน้อย และแน่นอนว่าก็จะต้องหาเงินได้มากกว่าสัตวแพทย์คนอื่นอยู่บ้างด้วย
ทว่าโม่อีไม่สนใจการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย ในวันหยุดเธอก็มักจะไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ดื่มด่ำชีวิตและชื่นชมทัศนียภาพที่แตกต่างกัน ใครจะรู้ว่าการท่องเที่ยวคนเดียวในครั้งนี้ เมื่อมาถึงด้านข้างภูเขา เธอดันบังเอิญได้ยินเสียงคล้ายขอความช่วยเหลือ จึงตามหาเสียงนั้นไปอย่างอยากรู้อยากเห็น ผลที่ตามมาคือเธอเข้าไปสู่ถ้ำแห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ พอเข้าไปก็ได้กลิ่นเหม็นสาบชนิดหนึ่ง คล้ายกับเป็นที่ควบคุมสัตว์บางชนิดโดยเฉพาะ ยังมี…
งูเขียวยักษ์ขนาดมหึมา ลำตัวหนากว่าหนึ่งเมตร ความยาวสุดจะประมาณได้ มันยึดครองถ้ำที่มีความสูงกว่าตึกสามชั้นแห่งนี้ไว้
บนหัวงูเขียวยักษ์มีลวดลายที่ไม่เหมือนใคร ดูแล้วรู้สึกถึงกลิ่นอายโบราณอย่างมาก ถ้ามองผ่านๆ จากที่ไกลๆ จะเหมือนตัวอักษร ‘หวัง’ ลมหายใจของมันรวยริน บนลำตัวมีบาดแผลและร่องรอยถูกเฆี่ยนตีมากมาย แต่ลูกตาสีทองแวววาวที่มองมาที่เธอแฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด ราวกับไม่สนใจสักนิดว่าชีวิตตนเองใกล้จะถึงวาระสุดท้าย
เธอไม่มีเจตนาร้ายต่อมันแม้แต่น้อย ไม่ได้รู้สึกเป็นปฏิปักษ์เพราะเป็นสัตว์ต่างสายพันธุ์ เพียงแต่มองด้วยความห่วงใยและเท่าเทียม
จิตใจเธอสงบอ่อนโยน ทำให้งูเขียวยักษ์รู้สึกเป็นกันเองขึ้น