บทที่หนึ่ง
ปฏิทินเทพยุทธ์ ปีหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยสามสิบสี่ ดินแดนเทพยุทธ์ ตระกูลนักยุทธ์ฉู่
ในช่วงต้นฤดูเหมันต์ ระหว่างช่วงยามเซิน และยามโหย่ว ซึ่งเป็นรอยต่อของกลางวันและกลางคืน ขณะที่ท้องฟ้าจะเริ่มมืด เป็นช่วงที่หนาวยะเยือกที่สุด สายลมอ่อนพัดโชยมาพักหนึ่งก็พอที่จะทำให้ผู้คนขดตัวด้วยความหนาวได้
ทว่าภายในเรือนหลิวอี้ที่นายหญิงแห่งสกุลฉู่อาศัย ขณะนี้ไม่มีใครห่วงความหนาวเย็น เห็นแต่เพียงสาวใช้และหมอตำแยวิ่งวุ่น ทุกคนสีหน้าตึงเครียด ต่างฟังคำสั่งจากสตรีสวมชุดเขียวที่ยืนอยู่หน้าห้อง ภายในห้องด้านหลังสตรีนางนี้กลับมีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“โอ๊ย…โอ๊ย…”
“ฮูหยิน ท่านอดทนอีกหน่อยนะเจ้าคะ”
“เจ็บเหลือเกิน…ท่านพี่ ท่านพี่ล่ะ”
“เอ่อ…นายท่านยังไม่กลับมาเจ้าค่ะ ฮูหยิน ยามนี้ท่านต้องออมแรงไว้เพื่อคลอดคุณชายน้อยอย่างราบรื่นนะเจ้าคะ”
“หุบปาก! เจ้าหลอกข้า ท่านพี่…ฉู่อวิ๋นเฟย เขา…รู้อยู่ว่าเขามา…มาถึง…โอ๊ย…”
“ฮูหยินเจ้าคะ!”
“เขา…อยู่กับนางตัวดีต้วนหลิงหลง ไม่ยอมมา…ใช่หรือไม่…”
“ฮูหยิน…”
“โอ๊ย…เจ็บเหลือเกิน…ข้าจะไม่คลอดแล้ว…”
“ฮูหยิน ท่านต้องอดทนไว้ ออกแรงอีกนิด คุณชายน้อยก็จะออกมาลืมตาดูโลก ถึงเวลานั้นนายท่านจะต้องมาเจ้าค่ะ…คุณชายน้อยเป็นลูกของนายท่าน นายท่านจะต้องมาเจ้าค่ะ”
“จริง จริงหรือ…”
“จริงยิ่งกว่าจริงเจ้าค่ะ ครั้นคุณชายน้อยเกิด นายท่านจะต้องมาดู ดังนั้นฮูหยินต้องนิ่งไว้ อดทนอีกสักพัก…”
“ใช่…ใช่ พอลูกเกิด เขา…เขา…อวิ๋นเฟย…โอ๊ย…”
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดอีกสักพัก อ่างที่มีน้ำปนเลือดถูกยกออกมาด้านนอกไม่ขาด หมอตำแยอยู่ด้านใน หมอโอสถสองสามคนรออยู่ด้านนอก สีหน้าระแวดระวัง เตรียมป้องกัน เผื่อมีอะไรไม่คาดฝันจะได้เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ยังมีเด็กชายอายุราวแปดขวบคนหนึ่งและสามสี่ขวบอีกคนยืนอยู่ด้านนอก เด็กทั้งสองสีหน้าไร้ชีวิตชีวาและไม่ร่าเริงอย่างที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น คนโตสีหน้าเงียบขรึม คนเล็กยืนอยู่ข้างพี่ชายเงียบๆ มือซ้ายจับมือขวาของพี่ชายไว้
“น้าจิ้ง เกิดอะไรขึ้นหรือ” รอให้ทุกคนตระเตรียมของใช้จำเป็นให้เรียบร้อย ไม่ยุ่งวุ่นวายเท่าไรแล้ว เด็กคนโตจึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้อายุเพียงแปดขวบ แต่เขาก็เข้าใจเรื่องบางอย่าง เช่น…สตรีจะคลอดลูกเมื่อตั้งครรภ์ครบสิบเดือน แต่ท่านแม่เพิ่งตั้งครรภ์ได้แปดเดือน ไยจึงคลอดในเวลานี้เล่า
สีหน้าทุกคนก็ดูจริงจังและตึงเครียดยิ่งนัก สาวใช้ของท่านแม่ทั้งสี่นางมีเพียงน้าจิ้งที่อยู่ด้านนอก น้าจิ้งเป็นคนสุขุมมาตลอด จัดการงานคล่องแคล่ว ได้รับความไว้วางใจจากท่านแม่มากที่สุด ยามนี้แม้แต่หมอโอสถนางยังตามมา นี่แสดงว่า…ท่านแม่อาจมีอันตรายถึงชีวิต?
“คุณชายใหญ่ เอ่อ…” อีจิ้งอึดอัดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรพูดในยามนี้หรือไม่
“ท่านพ่อไม่อยู่หรือ” ครั้นเห็นสีหน้าอีจิ้ง กอปรกับเมื่อครู่เพิ่งได้ยินเสียงกรีดร้อง เด็กชายจึงคาดเดาได้บ้าง
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” อีจิ้งกำชับสาวใช้คนอื่นอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงจูงคุณชายใหญ่มาด้านข้าง กระซิบว่า “นายท่านอยู่…กับต้วนหลิงหลงทางโน้นเจ้าค่ะ”
เด็กชายเลิกคิ้วงามได้รูปพลางเอ่ยถามต่อ “เกิดอะไรขึ้น”
เขากับน้องชายเพิ่งออกมาจากห้องฝึกยุทธ์ หลังจากล้างหน้าหวีผมจึงมาเยี่ยมท่านแม่พร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะเห็นภาพผู้คนในเรือนหลิวอี้วิ่งวุ่น โดยเฉพาะในห้องของท่านแม่ทางนี้อลหม่านยิ่งกว่า ยามนี้น้าจิ้งก็กล่าวเช่นนี้อีก เห็นชัดว่าท่านแม่จะต้องขัดแย้งกับท่านพ่ออีกแน่