หลิงเซ่าจวินหยิบขวดยามา ก่อนจะหยิบผ้าที่ทอขึ้นจากไหมหิมะผืนหนึ่งมาปูบนโต๊ะ แล้วถึงเทยาออกมาอย่างระมัดระวัง
หลงชิงเหยาเองก็ขยับไปดูด้วย
เป็นยาลูกกลอนที่ภายนอกมีสีดำแกมน้ำเงิน แทบไม่ต่างจากยาลูกกลอนทั่วไป จุดที่พิเศษคือต้องมองดูดีๆ ถึงจะเห็นลวดลายสีม่วง ลวดลายนี้เองที่ทำให้ยาเม็ดนี้มีกลิ่นอายของพลังชีวิตอยู่เต็มเปี่ยม
หากอาจารย์ทราบว่ามียาที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้ปรากฏขึ้น ต่อให้กำลังปิดด่านกักตัวอยู่ก็คงจะหยุดกลางคันแล้วปรี่มาหาทันที
“โม่อีเหริน ข้าถามเยี่ยงนี้อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย ทว่าข้าอยากรู้มากจริงๆ ว่าลวดลายสีม่วงนี้คืออะไร” สีหน้าของหลิงเซ่าจวินดูระมัดระวังและจริงจังยิ่ง
การสอบถามหมอโอสถถึงตำรับยาหรือตัวยาที่ใช้หลอมโอสถ อันที่จริงเป็นเรื่องเสียมารยาทมาก และก็เป็นเรื่องละเมิดข้อต้องห้ามเช่นกัน โดยเฉพาะตำรับยานี้ยังมาจากการศึกษาค้นคว้าส่วนตัว นั่นยิ่งเป็นความลับใหญ่
ทว่าหลิงเซ่าจวินสงสัยมากจริงๆ อีกทั้งด้วยความที่มีมิตรภาพกับไป่หลี่จิงหงไม่ธรรมดา โม่อีเหรินเองเขาก็เคยได้พบหน้าสองสามหนแล้ว ดูจากท่าทีที่โม่อีเหรินมีต่อพวกเขาก็รู้ได้ว่าโม่อีเหรินเห็นพวกเขาเป็นสหาย ดังนั้นนี่จึงนับเป็นการที่สหายสอบถามส่วนตัว โม่อีเหรินจะตอบหรือไม่ก็ย่อมได้ และจะไม่กระทบต่อไมตรีเช่นกัน
ถึงโม่อีเหรินจะไม่ตอบ หลิงเซ่าจวินก็ย่อมจะไม่ผูกใจเจ็บด้วยเหตุนี้…เขาไม่ได้ไร้การอบรมถึงเพียงนั้น
สิ่งที่คิดไม่ถึงคือโม่อีเหรินกลับตอบอย่างตรงไปตรงมายิ่ง
“หลักๆ คือหญ้าโลหิตหงส์ นอกจากนี้ยังมีตัวยารองอีกชนิดหนึ่งที่ยังไม่อาจบอกท่านได้”
“หญ้าโลหิตหงส์?!” หลิงเซ่าจวินตาเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้ง
นี่เป็นสมุนไพรที่มีเฉพาะในตระกูลเฟิ่งเชียวนะ ตอนแรกเขายังเคยขอจากเฟิ่งไหวซิน แต่ผลคือเนื่องจากตระกูลเฟิ่งเองยังมีเก็บไว้ใช้ไม่พอ เขาจึงขอมาไม่ได้ ทว่าเฟิ่งไหวซินได้รับปากเขาแล้วว่าเมื่อหญ้าโลหิตหงส์โตเต็มที่ในคราวหน้า จะขอมาให้เขาก่อนคนอื่น
“ใช้หญ้าโลหิตหงส์…เพื่อแก้พิษหยาดน้ำตาเทพยุทธ์?” หลิงเซ่าจวินคิดถึงจุดนี้ได้ทันที
“หญ้าโลหิตหงส์ไม่ใช่พิษหรอกหรือ” หลงชิงเหยาถามด้วยความข้องใจ
“หญ้าโลหิตหงส์มีสองประเภท หญ้าพิษกับหญ้าแก้พิษจะขึ้นอยู่ด้วยกัน หยาดน้ำตาเทพยุทธ์ทำมาจากหญ้าโลหิตหงส์ ยาแก้ก็ต้องใช้หญ้าโลหิตหงส์ถึงจะหลอมได้” หลิงเซ่าจวินอธิบายจบ ถึงค่อยหันมาหาโม่อีเหรินด้วยท่าทางตรึกตรองอยู่บ้าง “หากแต่ข้าได้ยินหมอโอสถของตระกูลเฟิ่งบอกว่าหญ้าโลหิตหงส์หลอมได้ยากมาก”
“อืม ยุ่งยากยิ่ง” โม่อีเหรินพยักหน้าอย่างผ่าเผย ปล่อยให้เขาเดาตามสบาย “ทว่ายาเม็ดนี้มิได้เป็นแค่ยาแก้พิษหยาดน้ำตาเทพยุทธ์อย่างเดียวแล้ว มันยังมีฤทธิ์ของยาลูกกลอนลี้มรณะอีกทั้งฤทธิ์แก้พิษอยู่ด้วย โดยเฉพาะพิษที่มุ่งเอาชีวิต มันจะมีฤทธิ์หักล้างดีเป็นพิเศษ”
หลิงเซ่าจวินเข้าใจในทันใด
“ดังนั้นยาเม็ดนี้ ไม่ว่าบาดเจ็บสาหัสหรือถูกพิษจนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก็ล้วนช่วยได้ทั้งสิ้นหรือ”
“ถูกต้อง” โม่อีเหรินพยักหน้า
สายตาของหลิงเซ่าจวินที่มองยาเม็ดนั้นมีแววกระตือรือร้นสุดขีดอีกครั้งแล้ว
“ยาเหลือเพียงเม็ดเดียว แต่ท่านก็มอบให้ไป่หลี่จิงหงไปทั้งอย่างนี้หรือ” แม้คู่หมั้นจะสำคัญมาก แต่ยานี้เป็นยาช่วยชีวิต โม่อีเหรินไม่อยากเก็บไว้เผื่อต้องใช้หรือไร
“จิงหงต้องการมันมากกว่าข้า” โม่อีเหรินกล่าวด้วยท่าทางจริงจังยิ่ง
“…” สีหน้าท่าทางที่จริงจังถึงเพียงนี้ทำให้คนไม่อาจคิดโยงวาจานี้เข้ากับคำพลอดรักได้จริงๆ
หากแต่หลิงเซ่าจวินยังคงรู้สึกว่า…ถูกทำให้ตาร้อนเข้าแล้ว
“เหตุใดไป่หลี่จิงหงถึงต้องการมันมากกว่า” หลงชิงเหยาไม่เข้าใจ