หากแต่โชคไม่ดีที่เขาได้มาเจอกับผู้เป็น ‘นักท่องเที่ยว’ ที่เพิ่งถูกพ่นออกมาจากค่ายกลส่งตัวได้ไม่กี่วัน แม้แต่หกกลุ่มอำนาจใหญ่ของมนุษย์ก็ยังได้ยินมาจากปากของสัตว์วิเศษ แม้ไม่กี่วันมานี้จะเร่งหาความรู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมไม่น้อย แต่ก็โชคไม่ดีอย่างยิ่งที่คนของตระกูลเสวียนหมิงยังไม่ได้ถูกจัดอยู่ในหลักสูตรการเรียน
ด้วยเหตุนี้โม่อีเหรินจึงหันหน้าไปมองไป่หลี่จิงหงอย่างเป็นธรรมชาติยิ่ง “ใครกันล่ะนั่น”
“เสวียนหมิงเจิน หนึ่งในผู้สืบทอดของตระกูลเสวียนหมิง ชำนาญการใช้พิษ มีชื่อเสียงมากในดินแดนแรกนภา” ไป่หลี่จิงหงตอบอย่างเต็มที่
เสวียนหมิงเจินหรี่ตาลง เขาไม่เชื่อว่าผู้ที่สามารถเข้าแดนสมบัติมาได้จะไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน ดังนั้นในสายตาของเขา ท่าทีของโม่อีเหรินไม่ต่างอะไรจากการท้าทาย
เสวียนหมิงเจินเพิ่งทำท่าจะเอ่ยปากพูด ไป่หลี่จิงไห่ก็ห้ามเขาไว้ ก่อนพูดกับไป่หลี่จิงหงว่า “ไป่หลี่จิงหง สายตาในการเลือกสตรีของเจ้า…” แย่กว่าไป่หลี่จิงหลิวเสียอีก
ไป่หลี่จิงหลิวเป็นพวกถูกใจรูปโฉมของสตรี แต่อย่างน้อยอนุเหล่านั้นของเขาไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม แต่ยังพอจะมีความสามารถนิดๆ หน่อยๆ หรือไม่ก็สามารถนำประโยชน์มาให้เขาได้เล็กน้อย ทว่าสตรีนางนี้นอกจากดูน่ารักงดงามแล้ว เขาก็มองไม่ออกเลยว่านางยังมีข้อดีอะไรอีก
จะกล่าวถึงพลังยุทธ์ เขามองไม่ออกว่านางมีพลังยุทธ์เลิศเลออะไร
จะกล่าวถึงความฉลาด…แม้แต่เสวียนหมิงเจินนางยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ไม่ต้องพูดถึงสติปัญญาแล้ว กระทั่งความรู้ทั่วไปก็ยังไม่มีเลย
สตรีพรรค์นี้มีประโยชน์อะไร
ไป่หลี่จิงหงมองข้ามท่าทีพรรค์นี้ของเขา
ข้อดีของโม่อีเหรินไม่จำเป็นต้องให้พวกเขารู้
มีปัญญาพูดได้แค่นี้ก็อยากจะเห็นไป่หลี่จิงหงมีโทสะหรือ ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
หากแต่การตอบสนองของโม่อีเหรินก็ตรงไปตรงมายิ่ง
“นี่ๆ น้ำเสียงของท่านฟังดูเหมือนกำลังบอกว่าข้าแย่มาก”
“นามของข้า ไป่หลี่จิงไห่” เขาทำน้ำเสียงเหมือนช่วยสงเคราะห์บอกให้รู้
โม่อีเหรินกลับโบกมือ “ชื่อของคนผ่านทางจะเรียกว่าอะไรก็ไม่ต่างกัน ท่านตอบคำถามข้ามาก็พอแล้ว”
ท่าทีไม่ใส่ใจนี้น่าโมโหยิ่งกว่าทำกำเริบเสิบสานเสียอีก
ไป่หลี่จิงไห่หน้าดำทะมึนพลางถลึงตามองนาง
“ถลึงตาด้วยเหตุใด อยากแข่งว่าใครตาโตกว่ากันหรือ” โม่อีเหรินยกสองมือเท้าสะเอว ดวงตาเบิกโต
“พรืด!” หลงชิงเหยาเผลอหัวเราะออกมา
ทั้งๆ ที่นี่เป็นสถานการณ์ที่ประจันหน้าอย่างตึงเครียดแท้ๆ ไฉนจึงรู้สึกว่าพอโม่อีเหรินมา บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่น่าพิศวง
ทั้งๆ ที่เป็นกิริยาท่าทางหยาบคาย พอถูกโม่อีเหรินทำออกมากลับเหมือนเด็กกำลังทะเลาะกับผู้ใหญ่ มองอย่างไรก็น่ารักน่าชัง
“ฮึ ข้าไม่ถือสาหาความกับสตรีไร้ความรู้” ไป่หลี่จิงไห่โบกแขนเสื้อ ท่าทีดูถูกดูแคลนยิ่ง
“เป็นข้าที่ไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับบุรุษที่ไร้เอกลักษณ์ ไร้ความสง่างาม ไร้วัฒนธรรม ไร้การอบรมสั่งสอนอย่างท่านต่างหาก เพราะนั่นจะดึงข้าให้ต่ำลง” นางสะบัดหน้าใส่อีกฝ่าย “ฮึ!”
“เจ้า…” ไป่หลี่จิงไห่โตมาจนป่านนี้เพิ่งเคยถูกคนหยามน้ำหน้าถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก มิหนำซ้ำยังเป็นแค่สตรีนางหนึ่ง…สตรีของไป่หลี่จิงหง
เขาอยากจะชกสตรีนางนี้ให้ตายคากำปั้นเลยทีเดียว
“ข้าสบายดีมาก ไม่ต้องให้ท่านมาเป็นห่วง” โม่อีเหรินกลับไปยืนข้างกายไป่หลี่จิงหง กอดแขนของไป่หลี่จิงหงไว้ ก่อนเอ่ยปลอบใจเขา “จิงหง ไม่ต้องเสียใจไป แม้ท่านจะโชคไม่ดีที่มีแซ่เดียวกับเขา แต่ท่านเป็นบุรุษที่ดีที่มีเอกลักษณ์ มีความสง่างาม มีวัฒนธรรม มีการอบรมสั่งสอน ต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง”
สายตาของไป่หลี่จิงหงมองนางปราดหนึ่งอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าจำเป็นต้องเปรียบเทียบกับเขาด้วยหรือ”
“ไม่จำเป็น!” โม่อีเหรินตอบอย่างฉับไว จากนั้นก็ก้มหน้าทำท่าพิจารณาตนเอง “ข้าพูดผิดไปแล้ว เปรียบเทียบกับเขาเป็นการดึงท่านให้ต่ำลง เป็นการไม่ยุติธรรมต่อท่านเกินไป”
“ไป่หลี่จิงหง!”
ไป่หลี่จิงไห่ดวงตาแทบจะพ่นไฟได้ แต่ไป่หลี่จิงหงกลับเพียงมองเขาผ่านๆ ปราดหนึ่ง ก่อนจะเมินเขาแล้วหันไปหาหลงชิงเหยา