เฟิงเหยี่ยนก็เคยได้ยินเรื่องของฉู่เซวียนอั๋ง แน่นอนว่าเขาจะต้องรักและทะนุถนอมเด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ เขามองออกว่าฉู่เซวียนอั๋งรักและปกป้องน้องชายน้องสาวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่เขาอุ้มไว้ในอ้อมกอดขณะนี้
เพียงแต่ว่า…เด็กหญิงสภาพย่ำแย่ ไม่เพียงแค่หน้าซีดเผือด ยังมีเม็ดเหงื่อเกาะตามหน้าผาก คล้ายมีโรครุมเร้า…
“อุ้มนางมานี่” ท่านอารูปงามที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องซึ่งก่อนหน้านี้เงียบกริบมาตลอดจู่ๆ ก็เอ่ยปาก ไม่เพียงทำให้พี่น้องสกุลฉู่ตกอกตกใจ แม้แต่เฟิงเหยี่ยนยังตะลึงไปเล็กน้อย
“ผู้อาวุโส…” ฉู่เซวียนอั๋งเอ่ยเรียกเพราะอยากยืนยันคำพูดของเขาอีกครั้ง ผู้อาวุโสท่านนี้ดูท่าเป็นคนเข้าหาได้ยาก เหตุใดจึงอยากเห็นฉู่อีเหรินใกล้ๆ กัน
“อุ้มนางมานี่” เขาบอกอีกครั้ง น้ำเสียงเหมือนกับเมื่อครู่ ไม่สนใจที่คนอื่นมองมาอย่างตะลึงงันเลย
“อุ้มนางไปเถิด” เฟิงเหยี่ยนที่เห็นว่าฉู่เซวียนอั๋งละล้าละลัง จึงใช้สายตาบอกให้เขาสบายใจว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีเจตนาร้าย
ฉู่เซวียนอั๋งจึงอุ้มน้องสาวไปด้านหน้าเขา
บุรุษผู้นั้นที่เรียกพวกเขาเข้าไปหาเพียงมองแต่ฉู่อีเหรินที่หน้าขาวซีด ไม่ได้มองดูฉู่เซวียนอั๋งแม้แต่น้อย “เจ้าเป็นเช่นนี้มานานเท่าใดแล้ว”
ฉู่อีเหรินช้อนตาขึ้นมองเขา ดวงตาดำขลับใสแจ๋วไม่ขลาดกลัวแม้แต่น้อย ทำให้บุรุษผู้นั้นพลันรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง และมีความรู้สึกสงสัยขึ้นมาบางเบา
“น่าจะ…ตั้งแต่เกิด ก็เป็นเช่นนี้แล้ว” นางตอบ
“ยื่นมือออกมา” บุรุษผู้นั้นเอ่ยอีกครั้ง
ฉู่อีเหรินพยักหน้า ยื่นมือขวาออกไป
บุรุษผู้นั้นจับข้อมือน้อยๆ เห็นชัดว่านางเจ็บปวด ใบหน้ายิ่งซีดเผือด ทว่าไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาแม้แต่น้อย รู้สึกชีพจรของนางกำลังเต้น ประกายบางอย่างแวบผ่านดวงตาเฉียบแหลมนั้น
“เจ้ากลัวตายหรือไม่” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น
ฉู่อีเหรินไม่ตกใจเท่าไร แต่พี่น้องสกุลฉู่กลับฟังแล้วตะลึงพรึงเพริด ดวงตาสองคู่จ้องไปทางบุรุษผู้นั้นอย่างตื่นตระหนกพร้อมกัน
“กลัวนิดหน่อย แต่ก็คล้ายกับว่าไม่กลัวมาก” ฉู่อีเหรินตอบตามตรง
“กลัวก็คือกลัว ไม่กลัวก็คือไม่กลัว ไม่มีคล้ายกับว่า” ความหมายของเขาคือนางจะต้องตอบอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างชัดเจน
ฉู่อีเหรินระบายยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง
“ถ้าเป็นไปได้ แน่นอนว่าข้าคาดหวังให้ตนเองมีชีวิตรอดต่อไป แล้วข้าก็จะพยายามมุ่งหน้าสู่เป้าหมายนี้ แต่ถ้าหากไม่รอดจริงๆ ข้าก็จะยอมรับผลลัพธ์นั้น”
บุรุษผู้นั้นแสดงสีหน้าพอใจเล็กน้อย แม้แต่เฟิงเหยี่ยนยังคิดไม่ถึงว่านางจะตอบคำถามเช่นนี้
“ปีนี้เจ้ากี่ขวบ”
“สามขวบ”
เพิ่งสามขวบก็กล่าววาจาเช่นนี้ได้ นี่เป็นความฉลาดล้นเหลือตามธรรมชาติหรือพ่อแม่ที่สอนนางมาเก่งกาจนัก เฟิงเหยี่ยนรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาเล็กน้อย