ภายในโถงรับแขกคฤหาสน์สกุลฉู่ ฉู่อวิ๋นเฟยเดินมาพลางยิ้มแย้ม กำลังจะทักทายผู้อาวุโสเฟิง ทว่ากลับผงะเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างผู้อาวุโสเฟิงในทันใด รอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงโดยพลัน
“ท่านพ่อตา?!”
ทว่าคนที่ถูกเรียกว่า ‘ท่านพ่อตา’ ไม่เหลือบมองเขาสักแวบ ถือวิสาสะนั่งลงด้านข้างเลย ปล่อยให้เฟิงเหยี่ยนไกล่เกลี่ยอยู่ด้านข้าง
“ประมุขตระกูลฉู่ ยินดีที่ได้พบ” เฟิงเหยี่ยนกล่าวด้วยมารยาทเพียบพร้อม
“ผู้อาวุโสเฟิงเกรงใจแล้ว อวิ๋นเฟยได้ยินชื่อเสียงท่านมานาน ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จัก คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสเฟิงจะมาเยือนถึงคฤหาสน์ อวิ๋นเฟยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” หากอิงตามอายุ ลำดับอาวุโส ฉู่อวิ๋นเฟยอ่อนกว่ารุ่นหนึ่ง ดังนั้นจึงแสดงท่าทีเป็นผู้น้อย เรียกขานตนเองอย่างอ่อนน้อม เหมาะสมที่สุดแล้ว
“ประมุขตระกูลฉู่ไม่ต้องเกรงใจ ที่บุ่มบ่ามมาเยือนเพียงเพราะเมื่อครู่ข้าลืมบอกฉีเอ๋อร์เรื่องหนึ่ง จึงมาเป็นการพิเศษ” ท่าทางเฟิงเหยี่ยนดูไม่เป็นกันเอง แต่ก็ไม่ห่างเหิน กำลังพอเหมาะพอเจาะ ทำให้ฉู่อวิ๋นเฟยที่อยากทำตัวสนิทสนมบ้างพลันรู้สึกเก้ๆ กังๆ ขึ้นมา
“ฉีเอ๋อร์?” ฉู่อวิ๋นเฟยรู้สึกฉงน
“ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งรับฉีเอ๋อร์เป็นลูกศิษย์ เขากลับมา…ไม่ได้แจ้งหรือไร” เฟิงเหยี่ยนกลับมองเขาอย่างงงงวย
“ฉีเอ๋อร์กราบไหว้ผู้อาวุโสเฟิงเป็นอาจารย์?!” ฉู่อวิ๋นเฟยทั้งตะลึงทั้งปลาบปลื้ม เกือบจะกระโดดตัวลอยเลยทีเดียว “ฉีเอ๋อร์นี่ก็จริงๆ เลย กลับมาไม่พูดไม่จา ทั้งยังให้ผู้อาวุโสเฟิงต้องมาถึงนี่…” เขาร้อนรน มองเฟิงเหยี่ยนอีกครั้ง “ผู้อาวุโสเฟิง โปรดรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปตามฉีเอ๋อร์มาทันที”
พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างพอได้ยินก็เดินกลับไปยังทางห้องโถงกลางอีกครั้งทันที ใครจะรู้ว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ปะหน้ากับอี๋เหนียง ฮูหยิน คุณชายสามคน รวมถึงคุณหนูอีกสองคนด้วย
ทั้งหมดเดินมาทิ้งระยะห่างกันไม่มากนัก โดยมีคุณชายสามรั้งอยู่ท้ายสุด
“คุณชายสาม นายท่านให้ตามไปที่โถงรับแขกขอรับ” พ่อบ้านไม่สนใจว่าพวกเขาจะได้ยินที่ฉู่อวิ๋นเฟยเอ่ยเมื่อครู่นี้หรือไม่ รีบเดินไปด้านหน้าฉู่เซวียนฉีอย่างรู้หน้าที่ และถ่ายทอดคำสั่งจากประมุขตระกูลทันใด
“ข้ารู้แล้ว ขอบคุณพ่อบ้าน” ฉู่เซวียนฉีที่อยู่ท้ายสุดเดินตามพ่อบ้านเข้าสู่โถงรับแขก ฉู่เซวียนอั๋งที่อุ้มอีเหรินน้อยและสัตว์น้อยก็ตามมาด้วย
“ฉีเอ๋อร์ เจ้ากราบไหว้ผู้อาวุโสเป็นอาจารย์ ข่าวดีเช่นนี้ไยจึงไม่รีบบอก” ฉู่อวิ๋นเฟยคลี่ยิ้ม ตำหนิเสียงเบา สีหน้าใจดีมีเมตตา ท่าทางต่างกับเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
“ลูกไม่มีโอกาสจะพูด” สำหรับบิดาที่แสดงท่าทีชิดใกล้อย่างนี้ ฉู่เซวียนฉีไม่รู้สึกซาบซึ้งแม้แต่น้อย เขาหันไปทางเฟิงเหยี่ยนทันที “อาจารย์ ท่านมาได้อย่างไร”
“ข้าลืมกำชับเจ้าเรื่องหนึ่ง” เฟิงเหยี่ยนเป็นใคร เป็นถึงผู้อาวุโสในสมาคม อำนาจ ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาย่อมไม่ธรรมดา กอปรกับก่อนมาได้อ่านสารข้อมูลเหล่านั้น แค่ดูจากท่าทีของลูกศิษย์ตัวน้อยก็เดาได้ว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ทว่าเฟิงเหยี่ยนไม่ถามให้มากความ ไม่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยหรือเหยียดหยาม เพราะไม่มีความจำเป็น เพียงแต่เรียกลูกศิษย์น้อยมาด้านหน้าตนเอง เฟิงเหยี่ยนยอมรับเพียงลูกศิษย์น้อยคนเดียว ไม่รวมคนในตระกูลของเขา ดังนั้นนอกจากลูกศิษย์แล้วคนอื่นมิควรค่าที่จะให้เขาต้องเปลืองสมอง
“อาจารย์ เรื่องอะไรขอรับ” ฉู่เซวียนฉีเดินไปด้านหน้าอาจารย์อย่างว่าง่าย
“เจ้าเพิ่งกลายเป็นผู้ครองสัตว์วิเศษ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ไปพักที่สมาคมก่อน ข้าจะเริ่มสอนเจ้าตั้งแต่การฝึกฝนขั้นพื้นฐานที่สุด ระหว่างทางอาจจะลำบากมาก เจ้ากลัวหรือไม่” เฟิงเหยี่ยนเอ่ยถาม
“ไม่กลัวขอรับ” ฉู่เซวียนฉีแน่วแน่ยิ่งนัก
“ดี เช่นนั้นคืนนี้ตระเตรียมของใช้ติดตัว พรุ่งนี้ไปหาข้าที่สมาคมด้วยตนเอง”
“ขอรับอาจารย์”
“ประเสริฐนัก” เฟิงเหยี่ยนพออกพอใจอย่างมาก จากนั้นหยิบกระเป๋าสี่เหลี่ยมสีเทาใบเล็กออกมาจากอกเสื้อ ขนาดกว้างยาวราวสิบกงเฟินมอบให้ฉู่เซวียนฉี