“ขอขอบคุณที่ผู้อาวุโสเฟิงสั่งสอนฉีเอ๋อร์ ต่อไปฉีเอ๋อร์คงต้องรบกวนผู้อาวุโสเฟิงแล้ว” แน่นอนว่าฉู่อวิ๋นเฟยจะต้องเข้าใจความหมายในคำพูดของผู้อาวุโสเฟิง เขาอดกลั้นอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อผู้อาวุโสเฟิงด้วยรอยยิ้มตามปกติ
“ไม่รบกวน” เฟิงเหยี่ยนตอบเสียงเรียบ เป็นลูกศิษย์ของเขา จะรบกวนหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เขาไม่ใส่ใจวิธีการพูดของฉู่อวิ๋นเฟย เพียงแต่จูงลูกศิษย์ไปด้านข้าง
ยามนี้เป็นเวลาของใครบางคน
“โม่อี้โหรว ออกมา” เป็นตามคาด ใครบางคนที่เคยชินกับการ ‘ไม่เสียเวลาเอื้อนเอ่ยกับคนที่เกลียดขี้หน้าแม้เพียงประโยคเดียว’ เดินผ่านประมุขตระกูลฉู่ไปดื้อๆ พร้อมตะโกนเรียกคนด้านหลัง
โม่อี้โหรวเดินออกมาทันที สีหน้าเคารพนบนอบพลางเอ่ยเรียกเสียงหนึ่งด้วยท่าทางเอาใจ “ท่านพ่อ”
ท่านพ่อ?!
ฉู่เซวียนอั๋ง ฉู่เซวียนฉี ฉู่อีเหรินสามคน ดวงตาสามคู่หันขวับพร้อมกัน แลมองบุรุษผู้นั้นที่สวมชุดสีเทาเงินซึ่งพวกเขาเพิ่งเจอเมื่อไม่นานนี้
บุรุษผู้นี้ท่าทางเย็นชา ดูจากภายนอกอายุไม่น่าเกินสามสิบปี ทว่ามารดาของพวกเขาเรียกเขาว่า…‘ท่านพ่อ’
ท่านอารูปงามผู้นี้มีอายุเท่าไรกันแน่?!
แล้วหากเขาเป็นบิดาของนาง เช่น…เช่นนั้น…เขาก็เป็น…
ท่านตา?!
พี่น้องสามคนออกจะรับมือไม่ทันอยู่บ้าง ต่างมองเขาอ้าปากค้าง
“เฉิน ท่านทำให้บรรดาเด็กน้อยตื่นตระหนกแล้ว” เฟิงเหยี่ยนตำหนิเขาเล็กน้อย
ดูสิ ลูกศิษย์น้อยของเขาตกใจจนตะลึงเหมือนท่อนไม้ไปแล้ว ส่วนฉู่เซวียนอั๋งดีกว่าหน่อย อย่างน้อยมองจากภายนอกก็ยังมีท่าทางเคร่งขรึม แต่ในความเป็นจริงน่าจะอึ้งจนยังไม่ได้สติกระมัง แล้วยังมีอีเหรินน้อยอีกคน ยามนี้นางถึงกับ…เรียกสติกลับมาได้แล้วพลางจ้องมองเฉินอย่างแปลกใจและครุ่นคิดพิจารณา
นาง…เพียงคนเดียวที่ไม่ตื่นตระหนกและอึ้งงัน
ทว่าไม่มีใครสนใจคำตำหนิของเฟิงเหยี่ยน ใครบางคนกล่าวอีกประโยคทันที
“เจ้าตามข้าออกไป” จากนั้นเขาก็หมุนกายเดินออกจากห้องโถงกลาง จนถึงทางเดินด้านล่างจึงหยุดยืน
“เจ้าค่ะท่านพ่อ” โม่อี้โหรวตามออกไปทันที ไม่กล้าปฏิเสธแม้แต่น้อย
สายตาพินิจพิเคราะห์ของฉู่อีเหรินเปลี่ยนเป็นนับถือ
โอ้! ท่านตาผู้นี้สุดยอดจริงๆ สามารถทำให้ท่านแม่ที่ในหัวมีแต่เรื่องชิงตำแหน่งเป็นที่รักกับต้วนหลิงหลง นิสัยเย่อหยิ่งอวดดี ถือความต้องการตนเองเป็นใหญ่ เปลี่ยนเป็นน่ารักเชื่อฟัง จะต้องเป็นคนร้ายกาจแน่!
ขณะ ‘ท่านพ่อ’ ของนางก็ยังไม่กล้าคัดค้านสักครึ่งประโยคหรือมีข้อสงสัย ทำได้เพียงมองส่งพวกเขาอย่างนี้ ไม่กล้าเดินตามไป แม้จะไม่พอใจก็อดกลั้นไว้ไม่กล้าพูดออกมา
นี่คือ ‘ท่านพ่อ’ ที่เมื่อครู่พอพบหน้าก็ทำมาดขรึม ทรงอำนาจ ตะคอกสั่งให้พี่เล็กคุกเข่าหรือ ต่อหน้าท่านตายังไม่กล้าเอ่ยปากหรือโพล่งประโยคหนึ่งออกมาตามใจสักคำ…