“ท่านถูกใจฉู่อีเหรินหลานคนนี้และอยากพาไปอยู่ข้างกายหรือ อวิ๋นเฟยไม่กล้าออกความเห็น แต่ฉู่อีเหรินเป็นลูกสาวของสกุลฉู่ ความจริงข้อนี้ไม่สามารถแปรเปลี่ยนได้”
“เช่นนั้นหรือ” สุ้มเสียงของเฉินเรียบเย็น เขาร้องฮึเบาๆ คล้ายมีความคิดอื่น
“ข้าเห็นด้วย” จู่ๆ โม่อี้โหรวก็เอ่ยปาก
“อี้โหรว?” ฉู่อวิ๋นเฟยจ้องนางในทันใด
นางจะต้องเป็นปฏิปักษ์กับข้าให้ได้สินะ
“อย่างไรเสียท่านก็ไม่ดูดำดูดีฉู่อีเหรินอยู่แล้ว แม้แต่ชื่อก็ยังตั้งอย่างส่งๆ ไป ท่านพ่อชื่นชอบฉู่อีเหริน ประจวบเหมาะส่งนางไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อ ภาระท่านก็น้อยลงไปคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรือไร อีกอย่างตั้งแต่ฉู่อีเหรินเกิดมาร่างกายก็อ่อนแอ โรครุมเร้า ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร แน่นอนว่าฝึกยุทธ์ไม่ได้อยู่แล้ว ท่านไม่สนใจที่คนอื่นเขาซุบซิบนินทากันลับหลังว่ามี ‘ลูกสาวไม่เอาไหน’ หรือ” โม่อี้โหรวคลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานและอบอุ่น แต่วาจาที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับยั่วโทสะฉู่อวิ๋นเฟยอย่างไม่ยั้ง
“เจ้า…”
“ตั้งแต่ฉู่อีเหรินเกิด ท่านคงไม่เคยเห็นหน้านางเลยกระมัง” โม่อี้โหรวหน้านิ่ง “นางคลอดก่อนกำหนด จะคลอดได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ท่านก็ไม่เป็นห่วงเป็นใย เอาแต่อยู่กับต้วนหลิงหลงตลอดไม่ใช่หรือ ในเมื่อท่านไม่ดูดำดูดี ยามนี้ไยจึงต้องแสร้งทำเป็นห่วงใยสภาพลูกสาวเสียเหลือเกินด้วยเล่า”
“เจ้ายังมีหน้าพูดถึงเรื่องตอนนั้น…” เรื่องราวเป็นเช่นไร นางน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด
“ถึงข้าจะผิด ต้วนหลิงหลงก็ไม่ได้ดีกว่าสักเท่าไรกระมัง แล้วถึงแม้ผู้ใหญ่จะผิด ฉู่อีเหรินเป็นเพียงเด็กน้อยที่เพิ่งเกิด ไม่รู้อะไรทั้งสิ้น นางผิดอะไร ข้ายอมรับว่าข้าดูแลลูกสาวไม่ดี แล้วท่านเล่ากล้ายอมรับหรือไม่” โม่อี้โหรวเชิดหน้าจ้องเขาอย่างยั่วโมโห
ฉู่อวิ๋นเฟยก็จ้องนางกลับ เขาเป็นถึงประมุขตระกูล จะต้องมายอมรับผิดต่อหน้าคนนอก มันสมควรหรือไร
“นอกจากนี้ท่านก็ไม่เคยยอมรับว่าฉู่อีเหรินเป็นลูกสาวท่านกระมัง” โม่อี้โหรวยิ้มเย็น “ลูกหลานสกุลฉู่ หลังจากอายุครบหนึ่งขวบก็จะจารึกชื่อในบันทึกตระกูล แล้วฉู่อีเหรินเล่า ได้บันทึกชื่อลงไปหรือไม่”
ความจริงก็คือ…ไม่มี
หลังจากฉู่อีเหรินถือกำเนิด นางก็เจ็บป่วยมาตลอดเกือบสองปี งานเลี้ยงครบเดือน งานเลี้ยงครบร้อยวัน อายุครบหนึ่งขวบอะไรนั่นถูกละเลยหมด ไม่มีใครรู้ว่านางจะอยู่ได้อีกนานเท่าไร แต่ไหนแต่ไรฉู่อวิ๋นเฟยก็ไม่เคยห่วงใย จะจำได้อย่างไรว่าจะต้องจารึกชื่อนางในบันทึกตระกูลด้วย
“ลูกกลอนสะสมพลังสามเม็ด ชดเชยทรัพย์สินที่เจ้าจ่ายให้ฉู่อีเหรินมาตลอดสามปี” ใครบางคนไม่มีอารมณ์ทนฟังสามีภรรยาคิดบัญชีเก่ากัน เขาหยิบขวดยาออกมาหนึ่งขวดวางตรงหน้าฉู่อวิ๋นเฟย
“ลูกกลอนสะสมพลัง?!”
ไม่เพียงฉู่อวิ๋นเฟยที่จ้องตาไม่กะพริบ แม้แต่ต้วนหลิงหลงที่ยืนอยู่ด้านข้างประตูด้านในมาตลอดก็ตะลึงและงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว
ลูกกลอนสะสมพลังเป็นยาที่แม้กระทั่งปรมาจารย์โอสถก็ไม่แน่ว่าจะหลอมออกมาได้ มีสรรพคุณขับพิษ ช่วยชีวิตคนที่บาดเจ็บภายในจนเกือบจะได้ไปรายงานตัวกับพญายมให้ฟื้นคืนมาได้