เช้าตรู่วันต่อมา พี่ชายน้องชายสองคนก็รีบไปยังสมาคมผู้ครองสัตว์วิเศษ จากนั้นคนต้อนรับก็พาพวกเขาไปยังที่พักของผู้อาวุโสเฟิงเหยี่ยน
พอเดินเข้าประตูก็มองเห็นผู้อาวุโสเฟิงและท่านตานั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่ขนาดห้าคนนั่ง ด้านหน้าวางโต๊ะเตี้ยไว้ ทั้งสองดื่มชาพลางเล่นหมากรุกกัน น้องสาวสุดที่รักของพวกเขาก็นั่งลงที่ด้านหลังโต๊ะเล็กด้านในซึ่งตั้งประจันหน้ากับบุรุษทั้งสองเปรียบเสมือนกรรมการผู้ตัดสิน ถือจานขนมและกินอย่างเบิกบานยิ่งนัก
“ฉู่เซวียนอั๋งคำนับผู้อาวุโสเฟิง ท่านตา…โม่”
“ฉู่เซวียนฉีคำนับอาจารย์ ท่านตา…โม่”
“กินอาหารเช้ามาหรือยัง” เฟิงเหยี่ยนเงยหน้าก่อนจะพยักพเยิดไปทางพวกเขา ขณะเดียวกันก็ถามอย่างห่วงใย
โม่ซั่งเฉินเงยหน้ามองพวกเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดไม่จา ทว่าก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกเขาเรียกขานเช่นนี้
เฟิงเหยี่ยนเห็นอีเหรินน้อยดึงแขนเสื้อของเฉินสองที เฉินจึงเงยหน้าขึ้น
“กินแล้ว” หลังจากทั้งสองคนตอบ ฉู่เซวียนฉีก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วนำกระเป๋าวิเศษสีเหลืองอ่อนใบเมื่อวานมอบให้น้องสาว
ตอนเก็บสัมภาระ เขาพบว่ากระเป๋าวิเศษที่ท่านตาหยิบออกมามีพื้นที่ด้านในใหญ่กว่าที่อาจารย์มอบให้เขาอย่างน้อยห้าเท่า
“ฉู่อีเหริน ข้าบรรจุของใช้ของเจ้าไว้ด้านใน เจ้าดูซิว่ายังขาดอะไรหรือไม่ ข้าจะได้กลับไปเอามาให้” ครั้นคิดว่าน้องสาวกำลังจะจากพวกเขาไป ฉู่เซวียนฉีก็อาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก
“ขอบคุณพี่เล็ก” ฉู่อีเหรินยิ้มหวานให้พี่เล็ก จากนั้นส่งกระเป๋าวิเศษให้โม่ซั่งเฉิน “ท่านตาช่วยข้าดูหน่อยสิเจ้าคะ”
จากการพบปะเมื่อวาน นางรู้สึกสนิทสนมกับท่านตา แต่ข้อหนึ่งนางไม่มีพลังยุทธ์ ข้อสองไม่มีพลังวิเศษ ไม่อาจจะใช้กระเป๋าวิเศษได้ ดังนั้นจึงต้องหาคนที่ใช้เป็นช่วยนางตรวจสอบ
โม่ซั่งเฉินมองนางแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบกระเป๋าวิเศษมากวาดตามองเล็กน้อย มองสิ่งของภายในแล้วอ้ำอึ้งอยู่บ้าง ของใช้ของเด็กน้อยคนนี้ช่างน้อยเสียเหลือเกิน มีเพียงชุดที่ใช้ปกติไม่กี่ชุด หีบใส่ของขนาดเล็กสองใบ สิ่งเดียวที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่ก็คือชั้นหนังสือที่แบ่งออกเป็นสิบชั้น ด้านในมีหนังสือเรียงอยู่เต็มหกเจ็ดชั้น แล้วยังมีตู้ใส่ของหัวเตียงขนาดเล็กอีกหนึ่งใบ
“เจ้าชอบอ่านหนังสือ?” นางอ่านออกจริงๆ หรือ
“ชอบ” ฉู่อีเหรินยิ้มจนตาหยี
“เก็บไว้เถิด” โม่ซั่งเฉินส่งกระเป๋าวิเศษให้นาง ในใจคิดว่าก่อนจะจากไปต้องพานางไปซื้อของใช้จำเป็นอีกสักหน่อย
การจากลาในครั้งนี้ อย่างน้อยจะไม่ได้กลับมาอีกหลายปี สิ่งของที่นางจำเป็นต้องใช้นั้นคงเป็นพวก…
โม่ซั่งเฉินครุ่นคิดชั่วครู่ เขาที่ไม่เคยเลี้ยงเด็กน้อยมาก่อนสุดท้ายจึงตัดสินใจจะไปถามจากคนที่มีประสบการณ์
“ได้เจ้าค่ะ” นางเก็บกระเป๋าวิเศษไว้ในกระเป๋าลับด้านในเสื้อกันลมของตนเอง
“พวกเราจะออกจากเมืองฉู่ตอนบ่าย มีอะไรอยากพูดก็พูดเสียแต่ตอนนี้เถิด” โม่ซั่งเฉินเอ่ยเสียงเรียบ
“อืม” ฉู่อีเหรินพยักหน้าและรีบพุ่งไปหาพี่ชายทั้งสองคนทันที
“ฉู่อีเหริน ระวังหน่อย” ฉู่เซวียนอั๋งมือไวตาไวรีบคว้าตัวน้องสาวไว้ได้ทัน ฉู่เซวียนฉีเคลื่อนไหวช้ากว่าเล็กน้อยจึงคว้าไม่ทัน
“ฉู่อีเหริน เจ้าอยากไปกับท่านตาจริงๆ หรือ” ฉู่เซวียนอั๋งที่อุ้มน้องสาวและพาน้องชายไปนั่งอีกด้านหนึ่งถามนางขึ้น
“อืม ข้าอยากไปกับท่านตา” ฉู่อีเหรินพยักหน้าพลางตอบ
ฉู่เซวียนอั๋งได้ยินคำตอบเช่นนี้ก็เศร้าใจเล็กน้อยในทันใด เขาปกป้องเลี้ยงดูน้องสาวมาแต่อ้อนแต่ออกจนโตเพียงนี้ นางกลับ ‘เปลี่ยนใจ’ ไปกับผู้อื่นได้เร็วยิ่งนัก
“ฉู่อีเหริน…” ฉู่เซวียนฉีก็ปวดใจเช่นกัน