“จากกันวันนี้เพื่อพบกันวันหน้า ดังนั้นพี่ใหญ่พี่เล็กไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจ ท่านตาเหยี่ยนกล่าวว่าต่อไปข้าเขียนจดหมายส่งมาให้เขาที่สมาคมได้ เขาจะช่วยข้ามอบให้พวกพี่ พวกพี่ก็เขียนจดหมายมาหาข้า โดยให้ท่านตาเหยี่ยนช่วยส่งต่อได้เช่นกัน” นางกล่าวปลอบโยนพี่ๆ ของตน
ผู้ใหญ่สองคนที่นั่งฟังอยู่ด้านข้างรู้สึกจนใจเล็กน้อย บทบาทคนปลอบโยนกับคนที่ถูกปลอบช่างสลับกันโดยสิ้นเชิง แล้วคนที่เป็นถึงผู้อาวุโสสมาคมผู้ครองสัตว์วิเศษยามนี้กลับกลายเป็นตาแก่ส่งจดหมายไปเสียแล้ว
หน้าผากเฟิงเหยี่ยนปรากฏรอยย่นทันใด
อันที่จริงเมื่อคืนพอกลับมาถึงที่นี่ ท่านตาก็สนทนากับฉู่อีเหรินไม่น้อยถึงเรื่อง ‘อาการป่วย’ ของนางและสถานที่ที่พวกเขาจะอยู่อาศัยในอนาคต เขามีความอดทนอย่างหาได้ยากยิ่ง คอยตอบคำถามทีละข้อ ดังนั้นฉู่อีเหรินจึงตัดสินใจว่าต่อไปนางจะอยู่กับท่านตา
‘อาการป่วย’ ของนาง อันที่จริงไม่ใช่โรค แต่เป็นการโดนพิษที่หายากชนิดหนึ่ง ยากนักที่จะมีคนรู้ เพราะแม้แต่ราชาโอสถก็วิเคราะห์ไม่ออก แล้ววิธีการรักษาก็ยังยุ่งยากมากด้วย
ท่านตากล่าวว่าอาจต้องใช้เวลาหลายปี ขั้นตอนการรักษาน่าจะต้องถลกผิวหนังหลายชั้น นางอาจจะเจ็บปวดทรมานจนทนไม่ไหว…นางมักรู้สึกว่าท่านตากำลังทำให้นางตื่นกลัว แต่ท่านตากล่าวว่าสามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นไม่ว่าขั้นตอนการรักษาจะทรมานเพียงใด นางก็อยากจะรักษา
พี่ชายทั้งสองเป็นคนมีพรสวรรค์ เมื่อวานนางเพิ่งทราบว่าพอพี่เล็กทำข้อพันธสัญญาเสร็จก็ข้ามผ่านขั้นต้นแล้ว เลื่อนลำดับขั้นไปถึงผู้ครองสัตว์วิเศษขั้นกลางเลย ต่อไปพวกเขาจะต้องใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนมากเพื่อรักษาลำดับขั้นของตนเอง หากจะต้องแบ่งความสนใจมาดูแลนาง นั่นรังแต่จะเป็นการฉุดรั้งพวกเขา
แล้วยังมีเรื่องสำคัญที่สุดคือท่านตาหลอมโอสถเป็น นางอยากเรียนรู้
‘อาการป่วย’ ของนางหากรักษาให้หายขาดได้ก็จะดีมาก ทว่าหากระหว่างการรักษานางทนทรมานไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะไม่มีโอกาสเติบโต จากลายามนี้อย่างน้อยพี่ๆ ก็ไม่ต้องทนเห็นนางรอความตายทุกวันแต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ และไม่ต้องส่งนางไปสู่ปรโลกด้วยตนเอง เช่นนี้จะได้ไม่เศร้าใจมากนัก
นอกจากนี้นางรู้สึกว่าท่านตาเป็นมิตร นางไม่กลัวสีหน้าเย็นชาของเขา แค่ทำตัวน่ารักใส่เขานิดหน่อยก็สิ้นเรื่อง อย่างไรเสียยามนี้นางมีอายุเพียงสามขวบ อายุน้อยถึงเพียงนี้จะไร้เดียงสาหรือไม่เกรงกลัวใครบ้างก็ย่อมได้ ไม่น่าจะแปลกอะไร
“ท่านตาบอกหรือไม่ว่าจะพาเจ้าไปที่ใด” เห็นสีหน้าน้องสาวมุ่งมั่น ฉู่เซวียนอั๋งทำใจไม่ได้แล้วก็ไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ เพียงแค่อยากถามให้แน่ใจ
“เกาะโม่เสวียน”
“เกาะโม่เสวียน?!” ฉู่เซวียนอั๋งตะลึงไปเล็กน้อย “ท่านตาคือโม่ซั่งเฉิน?”
ครั้นโพล่งวาจานี้ออกไป ฉู่เซวียนฉีก็ตะลึงพรึงเพริด
“ใช่สิ มีอะไรหรือ” เหตุใดพี่ใหญ่จึงตะลึงเช่นนี้ พี่เล็กก็ด้วย