ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง บทที่ 1-บทที่ 2
ข่าวนี้เรียกได้ว่าเหมือนฟ้าคำรามอันน่าตกใจ คุณหนูใหญ่เพิ่งหมั้นหมายกับจิ้งหย่งโหวในเดือนสิบสองปีที่แล้ว นี่เพิ่งขึ้นปีใหม่ไปไม่ทันไร เหตุใดจึงคิดถอนหมั้นกะทันหัน ยังไม่ต้องพูดถึงการกระทำของจิ้งหย่งโหวว่าแปลกหรือไม่ เพียงแค่เรื่องการถอนหมั้นนี้ก็น่าตื่นตระหนกพอแล้ว
สำหรับหญิงสาวนางหนึ่ง การถอนหมั้นต่อให้เกิดจากการกระทำของฝ่ายชาย ผลลัพธ์ก็เป็นผลเสียสำหรับฝ่ายหญิงอยู่ดี ด้วยเรื่องนี้ชื่อเสียงฝ่ายหญิงจะเสียหายอย่างมาก เกรงว่าวันหน้าคงยากจะหาบ้านสามีที่ดีได้แล้ว
ป้าเจิ้งถูกข่าวนี้ทำให้ตระหนกตกใจจนจิตใจว้าวุ่นแต่เช้า หลังจากนางพูดออกมา เดิมทีคิดว่าคุณหนูใหญ่จะตกใจหน้าถอดสี ทว่านางรออยู่นานกลับเห็นเพียงคุณหนูใหญ่ส่องกระจก ค่อยๆ มีรอยยิ้มให้เห็น
พวกเหลียนเชี่ยวและตู้รั่วคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องนี้ พวกนางทั้งสองตกใจตะลึงงัน รอจนดึงสติคืนมาแล้ว จึงรีบตะโกนว่า “คุณหนูใหญ่! นี่! นี่จะ…”
เหลียนเชี่ยวปากไว รีบถามป้าเจิ้งว่า “เจ้าฟังผิดไปหรือไม่ มาพูดเช่นนี้ต่อหน้าคุณหนูใหญ่ ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ป้าเจิ้งเรียกได้ว่ามีความอึดอัดคับข้องใจเต็มท้องจนพูดไม่ออก โดยไม่รอให้นางพูดสิ่งใดต่อกลับเป็นคนอีกคนหนึ่งที่คลายความลำบากใจให้นาง “ไม่ผิดหรอก”
“คุณหนูใหญ่?”
เฉิงอวี๋จิ่นคว่ำกระจกลง ใบหน้าราวภาพวาดตอนไม่ยิ้มยิ่งดูงดงามจับตา ดึงดูดจิตวิญญาณคน นางมองหิมะนอกหน้าต่าง แววตาดูสงบนิ่ง แต่กลับเหมือนแฝงการเยาะหยันอย่างไร้สาเหตุ “เขาทำแล้วจริงๆ”
เฉิงอวี๋จิ่นคือคุณหนูใหญ่จวนอี๋ชุนโหว มารดาคือท่านหญิงชิ่งฝูบุตรสาวของหนิงอ๋อง บิดาคือซื่อจื่อ* อี๋ชุนโหว นางในฐานะบุตรสาวคนโตของภรรยาเอกบ้านใหญ่จวนอี๋ชุนโหวจะเรียกว่าคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดก็ไม่เกินจริงเลย
ก็เหมือนกับชื่อของนาง เฉิงอวี๋จิ่น* เติบโตมาโดยถูกยกให้เป็นแบบอย่างอันไร้ที่ติให้กับบุตรสาวบ้านอื่นมาโดยตลอด นางเริ่มปูพื้นฐานการเรียนตอนเจ็ดขวบ เชี่ยวชาญการดีดพิณ เดินหมาก เขียนพู่กัน วาดภาพ ชำนาญงานฝีมือสตรี ทั้งกตัญญูและเชื่อฟัง เป็นบุตรสาวตัวอย่างเลยก็ว่าได้ บรรดาคุณหนูจวนอื่นยามถูกมารดาอบรมสั่งสอนทุกวัน พอได้ยินชื่อของเฉิงอวี๋จิ่นแล้วต่างเกิดความรู้สึกไม่ชอบใจ
ครั้นทำตามลมตามน้ำนานเกินไปก็ถูกคนเข้าใจว่าเสแสร้งได้ ลับหลังจึงมีคนรอดูว่าเฉิงอวี๋จิ่นจะหมั้นหมายกับคนบ้านใด ดูว่านางจะโดดเด่นต่อไปได้หรือไม่
คิดไม่ถึงว่าจะทำได้จริง
เดือนสิบสองปีที่แล้ว เฉิงอวี๋จิ่นติดตามมารดาไปพักผ่อนชั่วคราวที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนกลางเขา พื้นที่ปกครองของหนิงอ๋องอยู่ที่เจียงหนาน** ท่านหญิงชิ่งฝูแต่งเข้าเมืองหลวงมาหลายปีเพียงนี้ก็ยังคงไม่เคยชินกับฤดูหนาวในเมืองหลวง สตรีในราชวงศ์มีเงินทองมีอำนาจ ท่านหญิงชิ่งฝูมีหมู่บ้านภายใต้ชื่อของตนเองแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีตาน้ำพุร้อนให้ใช้โดยเฉพาะ ท่านหญิงชิ่งฝูจึงเดินทางออกจากจวน บรรดาคู่สะใภ้ไม่สะดวกจะติดตามไปด้วย แต่บรรดาคุณหนูอาศัยใบบุญติดตามไปได้
เฉิงอวี๋จิ่นในฐานะบุตรสาวคนโตของท่านหญิงชิ่งฝูย่อมต้องติดตามมารดาไปด้วย คิดไม่ถึงว่าหลังจากเดินทางไปที่เขาซีซาน ในเมืองหลวงกลับมีหิมะตกหนักสามวันสามคืน ทางภูเขาถูกปิด ท่านหญิงและบรรดาคุณหนูที่ติดตามมาไม่อาจลงจากเขาได้ในขณะนี้
ท่านหญิงชิ่งฝูส่งบ่าวรับใช้ลงเขาไปแจ้งข่าวแล้ว เพียงอยู่ในหมู่บ้านรอให้คนของจวนอี๋ชุนโหวเกลี่ยทางมารับพวกนางก็พอ ขณะท่านหญิงชิ่งฝูยังคงดื่มด่ำกับน้ำพุร้อนอย่างสบายใจ ทางเฉิงอวี๋จิ่นกลับพบว่าน้องสาวคนรองหายตัวไป
น้องหญิงรองเฉิงอวี๋โม่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของบ้านรอง นายท่านรองและหร่วนซื่อ* รักดั่งแก้วตาดวงใจ นางหายไปในหมู่บ้านของบ้านใหญ่นับเป็นเรื่องร้ายแรง นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับชื่อเสียงของสตรี เฉิงอวี๋จิ่นจึงไม่กล้าโวยวาย แค่แอบส่งหญิงรับใช้สูงวัยไปเฝ้าปากทางไว้ แล้วให้เหลียนเชี่ยวไปสืบดูว่าเมื่อตอนเย็นเฉิงอวี๋โม่ไปที่ใด
คิดไม่ถึงว่าผ่านไปหนึ่งคืนเฉิงอวี๋โม่ยังคงไม่กลับมา เฉิงอวี๋จิ่นรู้ว่าเรื่องราวร้ายแรงขึ้นแล้ว นางไม่กล้าดึงเวลาต่อไป เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็ไปรายงานเรื่องนี้แก่ท่านหญิงชิ่งฝู ท่านหญิงชิ่งฝูเองก็ตกใจเช่นกัน นางไม่มีความรู้สึกผูกพันใดต่อบ้านรอง แต่หากบุตรสาวภรรยาเอกของบ้านรองหายไปในพื้นที่ปกครองของนาง ท่านหญิงชิ่งฝูเองก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้เช่นกัน เฉิงอวี๋จิ่นเมื่อวานได้ตรวจค้นในหมู่บ้านดูแล้วไม่พบ ท่านหญิงชิ่งฝูจึงจำต้องส่งคนออกไปค้นหาบนภูเขา
เฉิงอวี๋จิ่นเค้นถามสาวใช้ของเฉิงอวี๋โม่ ได้ความว่าคุณหนูของพวกนางตอนพลบค่ำเห็นหิมะก็นึกสนุก จึงออกไปชมหิมะ ไม่รู้ว่าเดินอย่างไรถึงได้หายตัวไป เฉิงอวี๋จิ่นได้ยินแล้วโกรธไม่เบา นำหญิงรับใช้สูงวัยเดินไปตามทางที่สาวใช้บอก ออกไปตามหาเฉิงอวี๋โม่ด้วยตนเองทันที
พื้นที่หลังเขานี้กว้างใหญ่ กอปรกับมีหิมะตกไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ พวกนางเดินตามหาเฉิงอวี๋โม่ด้วยความยากลำบาก ระดับความเร็วเช่นนี้การเดินรอบภูเขาย่อมเป็นไปไม่ได้เลย จำต้องแยกกันค้นหา เฉิงอวี๋จิ่นนำตู้รั่วเดินไปครู่หนึ่งก็ตาดีพบถ้ำกลางเขาแห่งหนึ่งเข้า
ที่นั่นมีถ้ำอยู่ ปากถ้ำยังมีของบางอย่างปิดเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าที่นี่ต้องมีคนเคยมาอย่างแน่นอน เฉิงอวี๋จิ่นรีบเดินเข้าไป ทว่านางหาเฉิงอวี๋โม่ไม่พบ กลับพบชายหนุ่มหมดสติอยู่คนหนึ่ง
แท้จริงแล้วด้วยนิสัยของเฉิงอวี๋จิ่น นางไม่คิดสนใจชายหนุ่มที่มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจนเช่นนี้ เขาจะเป็นหรือตายเกี่ยวอันใดกับนาง แต่เป็นอีกครั้งที่เฉิงอวี๋จิ่นตาดี นางแลเห็นตราขุนนางอันหนึ่งบนตัวของชายหนุ่ม
ฮั่วฉางยวนแห่งกองบัญชาการทหารพิทักษ์ซีเป่ย*
ฮั่วฉางยวน? แม่ทัพฉางเซิ่ง** ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง จิ้งหย่งโหวฮั่วฉางยวน ท่านโหวที่อายุน้อยที่สุดในราชสำนักต้าฉี
ดีมาก เฉิงอวี๋จิ่นตัดสินใจจะช่วยชีวิตเขา
เฉิงอวี๋จิ่นให้ตู้รั่ววางร่างของฮั่วฉางยวนนอนราบ ชายหนุ่มตัวหนัก ตู้รั่วผู้เดียวทำไม่ได้ เฉิงอวี๋จิ่นจึงย่อตัวลงช่วยด้วยเช่นกัน ขณะที่นางกำลังประคองแขนของฮั่วฉางยวน เขากลับสะลึมสะลือฟื้นขึ้นมา ฮั่วฉางยวนรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างกายเขา เขาใช้แรงกายทั้งหมดที่มีหรี่ตาขึ้น ท่ามกลางความมืดสลัวเขามองเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยงดงามหมดจดอยู่ข้างกายเขา งดงามราวดวงตะวัน งามจนหาสิ่งใดมาเทียบไม่ได้
‘เจ้าเองหรือ’
เฉิงอวี๋จิ่นไม่เข้าใจว่าตรงนี้มีนางเพียงคนเดียว เหตุใดยังต้องถามอีกว่า ‘เจ้าเองหรือ’ อีก หากไม่ใช่นางแล้วยังจะเป็นผีตนใดอย่างนั้นหรือ
แน่นอนว่าเฉิงอวี๋จิ่นในฐานะคุณหนูผู้มีคุณสมบัติดีเลิศในเมืองหลวงย่อมไม่มีทางพูดเช่นนี้ นางพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มบางๆ ให้แก่ฮั่วฉางยวน ‘ท่านโหวไม่ต้องกลัว ข้าคือหลานสาวคนโตของจวนอี๋ชุนโหว หมู่บ้านท่านแม่ของข้าอยู่ไม่ไกล ท่านรอสักครู่ ข้าจะตามคนมาหามท่าน’
ฮั่วฉางยวนราวกับโล่งอก สุดท้ายจับจ้องนางครู่หนึ่งแล้วหลับตาหมดสติไป