ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง บทที่ 11
บทที่ 11
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงนอนหลับอยู่ในห้อง เฉิงหมิ่นก็ไปหาห้องพักผ่อนแล้วเช่นกัน เหลือเพียงเด็กๆ ที่ยังสดชื่นมีพลังอยู่ไม่กี่คน ไม่ยอมนอนหลับ และไม่มีผู้ใหญ่คอยดู จึงมารวมตัวเล่นสนุกกัน
สวีจือเซี่ยนเติบโตอยู่ท่ามกลางกลุ่มสตรี ยามอยู่ร่วมกับน้องสาวทั้งหลายจึงไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย เขากำลังนั่งดูสมุดภาพกับเฉิงอวี๋โม่พอดี สวีเนี่ยนชุนเห็นแล้วก็ถอดรองเท้าเดินเบียดเข้าไป
ในเวลาเช่นนี้เฉิงอวี๋จิ่นกลับทำตัวแตกต่าง แท้จริงแล้วเฉิงอวี๋จิ่นไม่คิดจะเบียดแทรกกับพวกเขาหรอก แต่ที่นี่มีสวีจือเซี่ยนเป้าหมายใหม่ของนาง นางหมุนตัวเดินจากไปไม่ได้ ทำได้เพียงนั่งรออยู่ที่นี่อย่างอดทน
เฉิงอวี๋จิ่นเลื่อนสายตาไปก็เห็นสวีหวั่นชุนนั่งดื่มชาอยู่บนม้านั่งเพียงลำพัง สวีหวั่นชุนเป็นบุตรสาวของอนุภรรยา มาถึงบ้านเดิมของแม่ใหญ่จึงไม่ได้ดูสนิทสนมเหมือนลูกภรรยาเอกอีกสองคน สวีจือเซี่ยนกับน้องหญิงโม่ของเขานั่งดูภาพวาดด้วยกัน สวีเนี่ยนชุนเป็นบุตรสาวภรรยาเอก จะเบียดเข้าไปก็สามารถทำได้ ทิ้งสวีหวั่นชุนให้นั่งอยู่ผู้เดียว ไม่อาจตามไปได้ ท่าทางอึดอัดอย่างมาก ทั้งนางเป็นคนมีนิสัยขลาดกลัว จึงได้แต่ดื่มชาอย่างเงียบๆ ก้มหน้ามองลายดอกไม้บนกระโปรงของตนเอง
เฉิงอวี๋จิ่นไม่ใช่คนที่มีนิสัยเป็นที่ชื่นชอบของบุรุษ ตัวนางเองรู้จุดนี้มานานแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตไม่ว่าแขกเหรื่อคนใดมาที่จวน นายหญิงที่มาเป็นแขกเห็นนางแล้วจะพากันเอ่ยชมไม่ขาดปาก บุตรชายอีกฝ่ายเพียงแวบแรกก็สังเกตเห็นนาง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่เวลาผ่านไปไม่นานนายหญิงจะชอบเฉิงอวี๋จิ่นมากขึ้น แต่บุตรชายอายุน้อยกลับรู้สึกเบื่อหน่าย หันไปคุยเล่นสนุกสนานกับคุณหนูรองเฉิงอวี๋โม่แทน จากนั้นผู้ใหญ่ก็ให้เด็กๆ เล่นกันอย่างอิสระ พวกบุรุษจะไปห้อมล้อมข้างกายเฉิงอวี๋โม่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
พวกเขาถูกคุณหนูใหญ่ดึงดูดใจในแวบแรกที่เห็น แต่เมื่อทำความรู้จักกันกลับค่อยๆ หลงรักคุณหนูรอง เพราะเฉิงอวี๋จิ่นจะสง่างามอยู่ตลอด ชายกระโปรงไม่ยับย่นแม้แต่น้อย ขณะที่คุณหนูรองเฉิงอวี๋โม่กลับวิ่งเล่นหัวเราะกับพวกเขาได้
เฉิงอวี๋จิ่นในใจคิดว่านางอาจจะเป็นคนที่น่าเบื่อมากคนหนึ่งจริงๆ กระมัง แต่นั่นจะเป็นอะไร คนที่เป็นคนตัดสินใจหลักคือมารดาของพวกเขา ไม่ใช่บุตรชายอายุน้อยเหล่านี้เสียหน่อย ขอแค่มารดาของพวกเขาชอบนางก็พอแล้ว
ก็เหมือนเช่นตอนนี้ เฉิงอวี๋โม่กับญาติผู้พี่บุตรชายบ้านท่านอาหญิงหัวชนกันดูหนังสือ เฉิงอวี๋จิ่นรังเกียจว่าท่าทางนั้นไม่น่าดู ทว่าพอสังเกตเห็นสวีหวั่นชุนที่ถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวแล้ว พวกเขาเป็นเจ้าบ้านสกุลสวีเป็นแขก ปล่อยให้แขกยืนอึดอัดใจจะเป็นการบกพร่องต่อหน้าที่ในทางอ้อม
เฉิงอวี๋จิ่นไปนั่งลงข้างกายสวีหวั่นชุนด้วยรอยยิ้ม ถามว่า “พี่หญิงรองสวี ระยะนี้สบายดีหรือไม่”
สวีหวั่นชุนตกใจที่ได้รับความสนใจ นางคิดไม่ถึงว่าเฉิงอวี๋จิ่นที่เป็นบุตรสาวภรรยาเอก ทั้งยังเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง จะเข้ามาพูดคุยกับนางด้วยตนเอง สวีหวั่นชุนตกใจ แต่หลังได้พูดคุยกับเฉิงอวี๋จิ่นไปครู่หนึ่ง นิ้วมือที่กำแน่นก็ค่อยๆ คลายออก
คุณหนูใหญ่เฉิงที่ได้ชื่อว่าร้ายกาจผู้นี้ดูเหมือนไม่ได้เข้าใกล้ยากเหมือนอย่างที่คิด
เฉิงอวี๋จิ่นกับสวีหวั่นชุนพูดคุยกันไปมา เฉิงอวี๋จิ่นเป็นคนระดับใด จงใจพูดนำสวีหวั่นชุน ไม่ช้าสวีหวั่นชุนก็พูดคุยด้วยอย่างออกรสออกชาติ เฉิงอวี๋จิ่นยิ้มบางๆ พูดนำให้สวีหวั่นชุนพูดเรื่องของสวีจือเซี่ยนอย่างช้าๆ
เฉิงอวี๋จิ่นฟังไปพลางเหลือบมองไปทางสวีจือเซี่ยนอย่างใช้ความคิด สายตาราวกับกำลังชั่งน้ำหนักว่าสุกรตัวนี้ขายได้ราคาเท่าใด นางกำลังวางแผนอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ประตู พอนางหันหน้าไปก็เห็นเฉิงหยวนจิ่งเดินเข้าประตูมาพอดี
เฉิงหยวนจิ่งกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนไปตามสายตาของเฉิงอวี๋จิ่นที่มองสวีจือเซี่ยน สายตาหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่เลื่อนกลับมาก็เต็มไปด้วยความเข้าใจ
เฉิงอวี๋จิ่นในใจอับจนคำพูดทันใด นางแอบโมโหในใจ เหตุใดจึงเป็นเขาอีกแล้ว! ครั้งก่อนทะเลาะกับฮั่วฉางยวนมีเขาอยู่ ครั้งนี้นางเพิ่งวางแผนจะลงมือกับสวีจือเซี่ยน เฉิงหยวนจิ่งก็มาอีกแล้ว ทุกครั้งที่นางมีอะไรเกี่ยวข้องกับบุรุษ เป็นได้ถูกเฉิงหยวนจิ่งเจอเข้าพอดี ยังบังเอิญเจอในช่วงที่ไม่งามอีกด้วย
เฉิงอวี๋จิ่นลุกขึ้นอย่างไม่พอใจมาก คารวะเฉิงหยวนจิ่ง “คารวะท่านอาเก้า”
เสียงของเฉิงอวี๋จิ่นเตือนสติคนอื่นๆ กลุ่มคนที่เบียดเสียดกันอยู่บนตั่งเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ครั้นเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูก็รีบสวมรองเท้าลงจากเตียง คารวะตามเฉิงอวี๋จิ่น “ท่านอาเก้า”
ในเวลานี้เฉิงอวี๋จิ่นพอใจสภาพการณ์ของตนเองอย่างมาก เสื้อผ้าเรียบร้อย ชายกระโปรงเรียบตรง ไม่จำเป็นต้องคลานลงมา รูปโฉมภายนอกดูไร้ที่ติ ภาระของการเป็นภาพลักษณ์บนตัวของเฉิงอวี๋จิ่นคงจะหนักกว่าตัวนางมาก
เฉิงหยวนจิ่งชำเลืองมองด้วยสายตาเรียบเฉย แล้วถามว่า “ฮูหยินท่านโหวอยู่ข้างในหรือ”
เหล่าเด็กรุ่นเล็กในห้องเชื่อมมองหน้ากัน ชายหนุ่มผู้นี้หน้าตาน่าดูชมอย่างยิ่ง พวกเขาไม่กล้าพูดตอบไปชั่วขณะ เฉิงอวี๋จิ่นย่อมต้องกลายเป็นผู้นำ พูดว่า “เรียนท่านอาเก้า ท่านย่านอนกลางวันไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้น่าจะตื่นแล้ว”
เฉิงหยวนจิ่งพยักหน้า เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น สาวใช้ก็เดินออกมาจากห้องหนึ่ง “นายท่านเก้า ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญเจ้าค่ะ”
หลังจากเฉิงหยวนจิ่งเดินเข้าไป ในห้องเชื่อมก็เงียบสงบอยู่นาน สวีเนี่ยนชุนจึงกระซิบพูดว่า “คนนี้คือ…”
ทุกคนพากันมองไปทางเฉิงอวี๋จิ่น
ขอเพียงมีเฉิงอวี๋จิ่นอยู่ นางก็มักจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว สถานการณ์เช่นนี้ยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
เฉิงอวี๋จิ่นไม่รู้สึกว่าแปลกแม้แต่น้อย นางรับหน้าที่แนะนำทุกคน “ผู้นี้คือท่านอาเก้า หลายปีก่อนสอบผ่านจิ้นซื่อ ก่อนหน้านี้ถูกส่งไปทำงานนอกเมืองหลวง เพิ่งกลับมาไม่นานมานี้”
สวีเนี่ยนชุนเข้าใจแล้ว เรื่องของท่านโหวผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงวุ่นวายไม่น้อย เฉิงหมิ่นเองก็เคยเล่าเรื่องภรรยานอกสมรสที่ได้รับความรักจากท่านตาให้ลูกๆ ฟังเช่นกัน สวีเนี่ยนชุนแก้มแดงก่ำ บุตรชายอนุภรรยาที่นางเคยพบมาล้วนขี้ขลาดการกระทำน่าเกลียด กระทั่งบุตรนอกสมรสก็ยังเทียบกับบุตรอนุภรรยาไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าบุตรนอกสมรสคนหนึ่งกลับมีความสง่างามเช่นนี้ได้
สวีเนี่ยนชุนไม่เคยเห็นชายหนุ่มที่โดดเด่นเหนือผู้ใดเช่นนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้นจนสองแก้มแดงก่ำในทันที ไม่หาเรื่องดึงความสนใจจากพี่ชายแล้ว กิริยาสงบนิ่งลงมาก แม้แต่สวีหวั่นชุนก็ยังแก้มแดงเรื่อ นั่งนิ่งขวยเขินอยู่บนเก้าอี้
หอโซ่วอันเป็นเรือนที่ใหญ่ที่สุดในจวนอี๋ชุนโหว แม้ไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่ากับที่พักของท่านโหวผู้เฒ่าเฉิง แต่การตกแต่งกลับประณีตที่สุด ส่วนหลักของเรือนมีห้องหลักห้าห้อง สองฟากมีห้องปีกฝั่งตะวันออกและตะวันตก มีห้องติดประตูใหญ่ที่อับแสงแถวหนึ่งทางด้านฝั่งใต้ของเรือน ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพักอยู่ในห้องหลัก ห้องปีกสองฟากปล่อยว่าง มีคนทำความสะอาดทุกวัน บางครั้งฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงจะรั้งเด็กรุ่นหลานให้อยู่พักด้วย โดยให้นอนพักที่ห้องปีก ส่วนห้องติดประตูใหญ่เล็กเตี้ยและมืดครึ้มอากาศชื้นเป็นที่พักของพวกบ่าวไพร่
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงในฐานะนายหญิงผู้เฒ่าจวนโหว ระดับอาหารการกินเครื่องใช้สวมใส่ล้วนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดราวกับใช้เงินเป็นสายน้ำเลยจริงๆ นางคนเดียวพักห้องหลักห้าห้อง และขยายห้องหน้าหลังไปอีกด้านละสามห้อง ติดหน้าต่าง ทำเป็นห้องเชื่อม ห้องทั้งห้องวางผังแบบ ‘สามห้าสาม’ ห้องเชื่อมด้านหน้าแสงแดดดี สาวใช้ชอบมานั่งเย็บปักพูดคุยกันที่นี่ มีเด็กรุ่นหลานมาหาก็ชอบมานั่งเล่นที่นี่ ห้องเชื่อมด้านหลังมืดครึ้ม ห้องหนึ่งเป็นห้องพระ อีกห้องหนึ่งไว้เก็บตู้หีบขนาดใหญ่
พวกเฉิงอวี๋จิ่นอยู่ภายในห้องเชื่อมด้านหน้า คนนอกเข้ามาก็จะเห็นพวกตนได้เลย
เฉิงหมิ่นวันนี้กลับบ้านเดิม เฉิงหยวนจิ่งในฐานะเป็นน้องชาย ไม่มาพบหน้าก็คงไม่ดี เฉิงหยวนจิ่งพูดคุยอยู่ในห้อง พวกเด็กสาวนั่งอยู่ข้างนอก มองเข้าไปข้างในด้วยความตื่นเต้นแต่ก็สะกดใจไว้ด้วย
เฉิงอวี๋จิ่นเห็นท่าทางของสวีเนี่ยนชุนกับสวีหวั่นชุนแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่าเฉิงหยวนจิ่งมีอะไรน่าดูกัน ถึงอย่างนั้นคุณสมบัติภายนอกของเฉิงหยวนจิ่งก็ดีมากจริงๆ เขาทั้งรูปโฉมหล่อเหลา รูปร่างสูง อายุน้อยก็มีฐานะเป็นบัณฑิตจิ้นซื่อระดับรอง* ตอนนี้ยังเป็นขุนนางขั้นสี่แล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็มีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นี่ดูแล้วเหมือนจะเป็นลูกบ้านอื่นจริงๆ แต่เฉิงอวี๋จิ่นเคยพูดคุยกับเฉิงหยวนจิ่งมาแล้ว ความรู้สึกในการล้มลุกคลุกคลานที่เรือนส่วนในมาหลายปีบอกกับนางว่าคนอย่างเฉิงหยวนจิ่งไม่ใช่คนดีอะไร
ได้แต่มองอยู่ไกลๆ ก็พอ จะเข้าไปคลุกคลีใกล้ๆ ไม่ได้
สวีเนี่ยนชุนกระซิบถามเรื่องของเฉิงหยวนจิ่ง สวีหวั่นชุนก็เงี่ยหูฟังเช่นกัน แม้แต่สวีจือเซี่ยนที่ปกติไม่สนใจชื่อเสียงผลงานยังเต็มไปด้วยความสงสัยในตัวท่านอาเก้าที่เข้ามาใหม่ผู้นี้ ในที่นี้มีเพียงเฉิงอวี๋จิ่นที่รู้เรื่องราวมากกว่า นางแนะนำคร่าวๆ หลายครั้งที่คิดจะเปลี่ยนเรื่องพูด แต่คนหนุ่มสาวเหล่านี้กลับถามต่ออย่างไม่ยอมลดละ
“ร้ายกาจจริง อายุสิบหกก็สอบผ่านจิ้นซื่อแล้ว”
เด็กหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์อย่างสวีจือเซี่ยนก็ยอมแพ้ทั้งกายใจเช่นกัน “นั่นสิ ท่านแม่มักจะชมว่าที่สามีพี่หญิงจิ่นว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย แต่ท่านอาเก้าเด็กกว่าท่านโหวฮั่วหนึ่งปี ตำแหน่งก็สูงกว่าท่านโหวฮั่วแล้ว ตำแหน่งขุนนางบุ๋นยากกว่าขุนนางบู๊มาก อำนาจจริงก็มากกว่า”
สวีจือเซี่ยนแม้จะไม่มีความรู้อะไร แต่อย่างไรก็เป็นลูกขุนนาง สิ่งที่ได้ฟังได้เห็นก็ทำให้รู้เรื่องตำแหน่งในราชสำนักมาบ้าง สวีจือเซี่ยนเดิมทีเพียงแค่พูดไปตามใจเท่านั้น แต่เขาเพิ่งพูดจบภายในห้องเชื่อมก็เงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก
สวีจือเซี่ยนรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ รีบลุกขึ้นขออภัยเฉิงอวี๋จิ่น “พี่หญิงจิ่นขออภัยด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาท ไม่ได้คิดจะล่วงเกินพี่หญิงจิ่นเลย…”
สวีจือเซี่ยนคำนับไม่หยุด ในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง ทำมาถึงขั้นนี้ก็หาได้ยากมากแล้ว อีกอย่างเรื่องการถอนหมั้นนั้นเป็นความจริง ในเมื่อถูกถอนหมั้นแล้ว จะขวางไม่ให้ผู้อื่นพูดได้หรือ ตอนนี้เป็นแค่สวีจือเซี่ยน วันหน้าคงมีคนพูดคำไม่น่าฟังอีกแน่นอน
เฉิงอวี๋จิ่นสีหน้าไม่แปลกใจ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ข้าลืมเรื่องนี้ไปแล้ว พี่รองสวีไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ”
เฉิงอวี๋จิ่นแท้จริงแล้วอายุน้อยกว่าสวีจือเซี่ยน แต่สวีจือเซี่ยนกลับเรียกนางว่า ‘พี่หญิง’ เดิมที่เฉิงอวี๋จิ่นก็ไม่คิดจะแก้ไข แต่ตอนนี้ในใจนางมีแผนการอื่นแล้ว จึงเปลี่ยนคำเรียกสวีจือเซี่ยนเป็น ‘พี่รอง’ โดยไม่รู้ตัว
สวีจือเซี่ยนมักจะแสดงสีหน้าอารมณ์กับเหล่าพี่สาวน้องสาวอยู่แล้ว เฉิงอวี๋จิ่นก็อารมณ์ดีไม่คิดโมโหเลย เรื่องนี้จึงผ่านไปด้วยความเกรงใจ คนอื่นๆ เห็นแล้วก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูด ภายในห้องเชื่อมจึงครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เฉิงอวี๋โม่นั่งเอนตัวอยู่บนตั่ง ได้ยินชื่อของฮั่วฉางยวนแล้วก็เหม่อลอยไปเล็กน้อย
ชาติก่อนนางรู้ว่าท่านอาเก้าสกุลเฉิงกลับมาจากการไปประจำการนอกเมืองหลวง แต่นางเป็นสตรี ไปมาหาสู่กับท่านอาเก้าไม่มาก รู้เพียงว่าสกุลเฉิงมีชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่ง ตำแหน่งขุนนางสูงมาก แต่ผ่านไปไม่นานก็ล้มป่วย ตายไปอย่างเงียบๆ ในพื้นที่ประจำการนอกเมืองหลวง เรื่องที่นายท่านเก้าสกุลเฉิงมีตัวตนบนโลกนี้ ไม่ช้าก็หายไปจากความทรงจำของทุกคน
ในทางตรงกันข้ามหลังจากนั้นนานชั่วระยะเวลาหนึ่ง สถานการณ์ของฮั่วฉางยวนกลับดียิ่ง องค์รัชทายาทเพิ่งกลับเข้าราชสำนัก สนับสนุนคนจำนวนมาก ฮั่วฉางยวนเป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นสวีจือเซี่ยนพูดว่าฮั่วฉางยวนเทียบเฉิงหยวนจิ่งไม่ได้ เฉิงอวี๋โม่จึงไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อย
เฉิงอวี๋โม่คิดอย่างเหม่อลอย พี่ฉางยวนดีต่อนางจริงๆ แม้เอาแต่ใจแต่ก็มีมุมที่อ่อนโยน น่าเสียดายที่พวกเขาเดินอ้อมทางมามากมาย เสียเวลาไปมากเกินไป ตอนนี้นางโชคดีได้เกิดใหม่ จะต้องอยู่ครองคู่กับพี่ฉางยวนตั้งแต่เริ่มต้นให้ได้
เฉิงอวี๋โม่แอบกวาดตามองเฉิงอวี๋จิ่นแวบหนึ่ง ในใจคิดว่าพี่หญิงอย่าโทษข้าเลย วาสนาคู่ครองที่ไม่ใช่ของพี่อย่างไรก็ไม่ใช่ของพี่ วางแผนไปก็ไร้ประโยชน์
ตัดเร็วดีกว่าตัดช้า นางเองก็หวังดีต่อเฉิงอวี๋จิ่น
“น้องหญิงโม่”
สวีจือเซี่ยนเรียกเฉิงอวี๋โม่ เฉิงอวี๋โม่ดึงสติกลับมา จากนั้นร่วมหัวข้อสนทนากับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
เฉิงอวี๋จิ่นกำลังคิดจะฉวยโอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้นี้กุมใจสวีจือเซี่ยนเอาไว้ คิดไม่ถึงว่านางเพิ่งพูดได้ไม่กี่ประโยค ทางห้องหลักก็มีเสียงเดินดังลอยมา สาวใช้พลิกเปิดม่านมุก ส่งเฉิงหยวนจิ่งออกมา “นายท่านเก้าค่อยๆ เดินเจ้าค่ะ”
พวกเฉิงอวี๋จิ่นจำต้องยืนขึ้น “น้อมส่งท่านอาเก้า”
เฉิงอวี๋จิ่นสีหน้าแสดงความนอบน้อม แต่ในใจกำลังร้องตะโกนอย่างยินดี รีบไปเถอะ อย่ามาสร้างผลกระทบอะไรในการวางแผนอนาคตของข้าเลย นางได้ยินเสียงฝีเท้าของเฉิงหยวนจิ่งออกไปแล้ว บนใบหน้ากำลังมีรอยยิ้มกลับเห็นอีกฝ่ายหยุดอยู่ตรงปากประตู “เฉิงอวี๋จิ่น”
เฉิงอวี๋จิ่นตกตะลึง รีบพูดว่า “หลานอยู่ที่นี่ ท่านอาเก้ามีอะไรจะสั่งการหรือ”
“ท่านโหวมีธุระเรียกหาเจ้า”
ภูเขาไฟในใจของเฉิงอวี๋จิ่นระเบิดดังปัง นางคิดว่าคนผู้นี้หาเรื่องไม่เลิก วิธีเดียวกันถึงกับเอามาใช้ถึงสองครั้งได้อย่างไร
เฉิงหยวนจิ่งเห็นความโกรธเกรี้ยวที่เฉิงอวี๋จิ่นสะกดกลั้นเอาไว้ รอยยิ้มที่มุมปากแฝงความพึงพอใจมากขึ้น “ข้าส่งข้อความมาถึงแล้ว เจ้าตัดสินใจเองก็แล้วกัน”
เชิงอรรถ
* บัณฑิตจิ้นซื่อระดับรอง เป็นคำเรียกบัณฑิตที่สอบผ่านการสอบรับราชการระดับหน้าพระที่นั่ง และลำดับคะแนนจัดอยู่ในบัณฑิตเอกขั้นสอง
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 65)