ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง บทที่ 3-บทที่ 4
บทที่ 4
เฉิงอวี๋จิ่นถอยหลังเปิดทางเดินให้ ผู้ที่มาไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ก้าวเท้าเดินผ่านหน้าเฉิงอวี๋จิ่นไป
เขารูปร่างสูงโปร่งงามสง่า สูงกว่าฮั่วฉางยวนเล็กน้อย คนผู้นี้คิ้วคมตาเป็นประกาย สันจมูกโด่งตรง สองแก้มเป็นเหลี่ยมชัดเจน รูปโฉมโดดเด่นอย่างมาก บนใบหน้าเขาไม่แสดงความรู้สึกใด ตอนที่เดินผ่านเฉิงอวี๋จิ่นและฮั่วฉางยวน ทั้งสองจำต้องถอยหลังหนึ่งก้าว เปิดทางให้แก่คนผู้นี้
ความสง่าที่เป็นธรรมชาติราวกับเกิดมาก็ควรถูกคนหมอบกราบนี้ ดูไม่เหมือนคนทั่วไปจริงๆ
เฉิงอวี๋จิ่นรู้ว่าสกุลเฉิงมีคนพิเศษมากผู้หนึ่ง ทว่าเขาไม่อยู่ในจวนโหวมาหลายปี ไม่กี่ปีก่อนเหมือนจะถูกย้ายไปเป็นขุนนางนอกเมืองหลวง เฉิงอวี๋จิ่นมีความทรงจำเกี่ยวกับเขาบางเบามาก
ในอดีตเรื่องนี้ใหญ่โตมาก ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงแทบจะโวยวายแตกหักกับท่านโหวผู้เฒ่า ยามนั้นเฉิงอวี๋จิ่นยังจำเรื่องราวไม่ได้ เป็นเพียงเด็กน้อยหนึ่งขวบไม่รู้ความ ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงจู่ๆ ก็พาเด็กชายห้าหกขวบคนหนึ่งกลับมา บอกว่าเป็นบุตรของตนเองกับเสี่ยวเซวียซื่อ เลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองไประหกระเหินอยู่ภายนอกนั้นไม่เหมาะสม ดังนั้นท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงจึงพากลับมา ให้เขาได้กลับเข้าตระกูลเคารพบรรพชน
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงระเบิดอารมณ์ในทันที ดีจริง นางอยู่ในบ้านดูแลทรัพย์สมบัติอย่างยากลำบาก ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงกลับไปเด็ดดอกไม้ใบหญ้านอกบ้าน มีความผูกพันตัดบัวเหลือใยกับอดีตคนรัก อีกทั้งยังเอาลูกนอกสมรสอายุหกขวบคนหนึ่งกลับมาให้นางอีกด้วย
คิดจะเข้าจวนสกุลเฉิงอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!
ทว่าครั้งนี้ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงกลับตัดสินใจเด็ดขาด เขายืนกรานเปิดหอบรรพชน ใส่ชื่อเด็กไว้ในลำดับวงศ์ตระกูล ตั้งชื่อว่า ‘เฉิงหยวนจิ่ง’ และลำดับในวงศ์ตระกูลเป็นลำดับเก้า
ซึ่งจากลำดับญาติแล้ว เฉิงหยวนจิ่งเป็นท่านอาเก้าของเฉิงอวี๋จิ่น
เรื่องภายหลังเฉิงอวี๋จิ่นพอจำได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงโวยวายอย่างมาก พูดจาโหดร้ายว่าหากท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงจะเลี้ยงเสี่ยวเซวียซื่อกับลูกนอกสมรสคนนั้นเอาไว้ นางก็จะพาลูกๆ กลับบ้านเดิม หลานสาวของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงก็จะจากไปด้วย ย่อมไม่สามารถหย่าได้ แต่อย่างไรเสียฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงก็เป็นนายหญิงของบ้าน คลอดบุตรชายสองคนบุตรสาวหนึ่งคนให้แก่จวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงไม่สามารถควบคุมภรรยาได้ ทำได้เพียงสร้างเรือนอีกหลังหนึ่ง เลี้ยงเสี่ยวเซวียซื่อกับเฉิงหยวนจิ่งไว้นอกบ้าน
บุรุษต่อให้เจ้าสามารถยึดส่วนล่างของเขาไว้ได้แต่ก็ยึดใจเขาไว้ไม่ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเห็นว่าขวางไม่อยู่แล้วจริงๆ มั่นใจว่าเสี่ยวเซวียซื่อกับเฉิงหยวนจิ่งไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะของนาง จึงลืมตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง เพราะสาเหตุจากฮูหยินผู้เฒ่า สกุลเฉิงจึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงคุณชายเก้า เฉิงอวี๋จิ่นจึงได้รู้จากคำพูดบางอย่างที่หลุดออกมาจากปากท่านหญิงชิ่งฝูเท่านั้น บุตรนอกสมรสผู้นั้นดูเหมือนจะฉลาดมาก อายุสิบหกปีสอบผ่านได้เป็นบัณฑิตจิ้นซื่อ* เพียงแต่ไม่มีใครคอยปูทางให้ เส้นทางขุนนางของเขาจึงไม่นับว่าดีนัก
ตามหลักแล้วบัณฑิตจิ้นซื่อควรจะเข้าสำนักราชบัณฑิต ถึงแม้ตำแหน่งจะไม่โดดเด่น แต่ยังคงอยู่ใต้อาณัติของราชเลขาธิการหยาง เป็นหนทางการเข้าสภาขุนนางในวันข้างหน้า แต่เฉิงหยวนจิ่งกลับไม่มีโชคดีเช่นนี้ เริ่มด้วยเขาได้รับตำแหน่งขุนนางที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กตำแหน่งหนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็ถูกย้ายไปประจำนอกเมืองหลวง
ถูกย้ายไปครั้งนั้นก็ไม่ได้กลับมาอีก จนกระทั่งวันนี้ เฉิงอวี๋จิ่นจู่ๆ กลับได้พบท่านอาเก้าของนางในเรือนส่วนในของจวนตนเอง
ยามเฉิงหยวนจิ่งเดินผ่านเฉิงอวี๋จิ่นไปไม่ได้เหลือบแลสายตามาแม้แต่น้อย เฉิงอวี๋จิ่นก็ไม่ถือสา เพราะว่าเขาก็ไม่ได้สนใจฮั่วฉางยวนเช่นกัน
ฮั่วฉางยวนตอนนี้ก็ตกใจระคนสงสัยเช่นกัน เขาเป็นคนที่ผ่านการฝึกฝนในกองทหาร มีประสาทสัมผัสดีเยี่ยม เชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างมาก แต่ชายผู้นั้นสามารถนำคนจำนวนมากมายืนอยู่ตรงระเบียงทางเดินโดยที่เขาไม่สังเกตเห็นเลย
ในเวลานี้ฮั่วฉางยวนเหมือนถูกกระทบกระเทือนใจอย่างมาก ความหวาดกลัวในใจเขาเพิ่มมากขึ้น ไม่มีแก่ใจไปสนใจเฉิงอวี๋จิ่น หางตาชำเลืองเห็นเฉิงอวี๋จิ่นเดินจากไป เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจนัก
เขาคงลงมือตบตีสตรีไม่ได้ การตบของเฉิงอวี๋จิ่นฉาดนั้นถือเป็นการชดเชยที่ชื่อเสียงของนางได้รับความเสียหายก็แล้วกัน
เฉิงอวี๋จิ่นเดินผ่านระเบียงทางเดิน ผ่านประตูหลายประตู รอจนคนด้านหลังมองไม่เห็นนางแล้ว นางจึงเอ่ยว่า “ชายหนุ่มเมื่อครู่นั้นคือท่านอาเก้าจริงๆ กระมัง”
“ดูจากสรรพนามที่บ่าวเรียกแล้ว และเขาไม่ได้ปฏิเสธตอนท่านเอ่ยเรียก ย่อมเป็นเขาเจ้าค่ะ”
เฉิงอวี๋จิ่นขมวดคิ้ว พูดพึมพำว่า “ท่านย่าเกลียดเสี่ยวเซวียซื่อที่สุด เขาไร้ข่าวคราวไปสี่ห้าปีแล้ว เหตุใดจู่ๆ จึงกลับมาวันนี้”
เรื่องภายนอกตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวจะรู้ได้อย่างไร เฉิงอวี๋จิ่นเดินผ่านประตูวงเดือน* ประตูหนึ่ง แล้วพูดกับตนเองว่า “เพียงไม่กี่ปีเขาก็เลื่อนขึ้นถึงขั้นสี่ เร็วเกินไปแล้วกระมัง”
ตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวไม่รู้เรื่องในราชสำนัก พวกนางได้ยินแล้วก็สงสัย “คุณหนู เพียงแค่เห็นหน้ากัน ท่านรู้ได้อย่างไรว่านายท่านเก้าอยู่ขั้นสี่เจ้าคะ”
“ตำแหน่งที่ต่ำกว่ากง โหว ราชบุตรเขยถึงขั้นสี่จะสวมชุดสีแดง ขั้นสี่นั้นไม่ต่ำแล้ว ขุนนางขั้นสามในราชสำนักนับไปนับมาก็มีเพียงไม่กี่คน” เฉิงอวี๋จิ่นพูดจบก็ชะงักฝีเท้าทันใด “แย่แล้ว”
พวกนางหยุดอยู่ใต้เหมยแดงต้นหนึ่งพอดี หิมะขาวดอกเหมยแดง เฉิงอวี๋จิ่นสวมเสื้อคลุมกันลมสีแดงสด ยิ่งทำให้หน้าตาพริ้มเพราราวภาพวาด ผิวหน้าขาวกระจ่างใส