ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง บทที่ 9-บทที่ 10
ฉินซินสาวใช้คนสนิทที่รับใช้ข้างกายฮั่วเซวียซื่อนำผ้ามาเช็ดน้ำชาจนสะอาด จากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นลูบหลังให้ฮั่วเซวียซื่อ “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านมีฐานะอะไร สกุลเฉิงมีฐานะอะไร ท่านจะไปโกรธอะไรพวกนางเจ้าคะ สกุลเฉิงสองสามรุ่นไม่เคยรับตำแหน่งสำคัญในราชสำนักเลย แค่แขวนตำแหน่งหากินเฉยๆ ส่วนท่านโหวของพวกเรามีความสามารถตั้งแต่เด็ก อายุยังน้อยก็สร้างผลงานทางการทหาร อีกทั้งได้เข้าเฝ้าเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ได้ชื่อตำแหน่งแท้จริง ขุนนางบุ๋นเหล่านั้นลำบากพากเพียรเล่าเรียนมาสิบปีก็เพื่อจะได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้สักครั้ง ต่อให้เป็นหนึ่งในหมื่นที่สอบผ่านจิ้นซื่ออยากจะปรากฏโฉมเป็นที่จดจำต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ ยังต้องต่อสู้อีกยี่สิบสามสิบปี ส่วนท่านโหวตอนที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีก็ถูกฮ่องเต้ทรงเรียกชื่อไปตรัสถาม ยังได้รับการดูแลบรรดาศักดิ์โหวเป็นพิเศษ ความโปรดปรานเช่นนี้ทั่วเมืองหลวงมีเพียงหนึ่งเดียว ใช่ว่าโครงเปล่าอย่างจวนอี๋ชุนโหวนั่นจะเทียบได้”
ได้ยินฉินซินพูดถึงฮั่วฉางยวน สีหน้าของฮั่วเซวียซื่อก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หลังจากฮั่วเซวียซื่อเสียสามีไป จุดศูนย์รวมหนึ่งเดียวของนางก็คือฮั่วฉางยวน คนอื่นชื่นชมบุตรชายของนาง ก็เบิกบานใจกว่าเอ่ยชมตัวนางเองเสียอีก
ฮั่วเซวียซื่อพูดว่า “นั่นสิ ปีที่แล้วจู่ๆ ฉางยวนก็บอกว่าจะแต่งกับคุณหนูใหญ่จวนอี๋ชุนโหว ตอนนั้นข้ายังรู้สึกว่าสกุลเฉิงไม่คู่ควรกับฉางยวน แต่เห็นแก่บุตรสาวบ้านพวกเขามีชื่อเสียงดีไปทั่วเมืองหลวง ข้าจึงตกลง ใครจะคิดว่าบ้านพวกเขาจะเป็นภายนอกรูปหยกภายในปุยนุ่น* แม้แต่บุตรสาวยังไม่อยู่ในกรอบ คนเช่นนี้ต่อให้ฉางยวนไม่พูด ข้าก็ให้นางเข้ามาในสกุลฮั่วของข้าไม่ได้”
ฉินซินย่อมพูดตอบรับ ฉินซินอยู่ปรนนิบัติข้างกายฮั่วเซวียซื่อมาหลายปี นางอายุมากกว่าฮั่วฉางยวนสามปี หลายปีมานี้แทบจะเห็นฮั่วฉางยวนจากเด็กหนุ่มเติบโตเป็นชายหนุ่มสูงสง่า ตอนพูดคุยกันฮั่วเซวียซื่อเคยบอกว่าจะปล่อยฉินซินออกจากจวนไป ฉินซินกลับปฏิเสธโดยอ้อม หัวใจของนางอยู่ที่ตัวฮั่วฉางยวนมาตลอด
ฉินซินกับฮั่วเซวียซื่อด้านหนึ่งพูดถึงความดีของฮั่วฉางยวน ด้านหนึ่งพูดเยาะเย้ยจวนอี๋ชุนโหวยกใหญ่ ทั้งสองคนมีความสุขมาก ฮั่วเซวียซื่อพลิกลิ้น นึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันใด “วันนี้หลังจากคุณหนูใหญ่เฉิงฉีกหนังสือหมั้นหมายแล้ว ฉางยวนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเดินไล่ตามออกไป เขานี่แย่เสียจริง สตรีที่มีแผนการในใจเช่นนี้มีอะไรดี ควรค่าที่เขาจะตั้งใจไล่ตามไปได้อย่างไร”
“หา? ท่านโหวยังไล่ตามคุณหนูใหญ่เฉิงออกไปด้านนอกด้วยหรือเจ้าคะ” ฉินซินรู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างไร้สาเหตุ สัมผัสที่หกของสตรีแม่นยำมาก นางพลันรู้สึกว่าความรู้สึกที่ฮั่วฉางยวนมีต่อคุณหนูใหญ่เฉิงนั้นอาจจะแตกต่างไป
ฮั่วเซวียซื่อยังคงติดใจเรื่องที่ฮั่วฉางยวนไล่ตามเฉิงอวี๋จิ่นออกไป ฉินซินเองก็ตื่นตัวเป็นพิเศษ ฉินซินพูดยุยงไปไม่กี่ประโยค ฮั่วเซวียซื่อก็ตัดสินใจทำตามใจตน ให้คนตามฮั่วฉางยวนกลับมาจากลานฝึกยุทธ์
ฮั่วฉางยวนที่เหงื่อท่วมศีรษะเดินเข้ามาจากข้างนอก เดิมทีเขาคิดว่ามีธุระด่วนอะไร ผลปรากฏว่าได้ยินคำพูดของฮั่วเซวียซื่อแล้ว ฮั่วฉางยวนก็ขมวดคิ้วแน่น “ท่านแม่ ท่านตามข้ากลับมาเพื่อเรื่องเล็กแค่นี้หรือ”
“นี่จะเรียกว่าเรื่องเล็กได้อย่างไร!” ฮั่วเซวียซื่อไม่พอใจ กำผ้าเช็ดหน้าแล้วพูดว่า “คุณหนูใหญ่เฉิงคนนั้นมีแผนการในใจลึกล้ำ ไม่ใช่คนดีอะไร วันหน้าเจ้าอย่าได้เข้าใกล้นาง ระวังจะถูกนางเกาะติด สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด”
ในสายตาของฮั่วเซวียซื่อ สตรีในใต้หล้านี้ทั้งหมดคงอยากจะยั่วยวนบุตรชายของนาง
ริมฝีปากของฮั่วฉางยวนปรากฏรอยยิ้มเฝื่อน เฉิงอวี๋จิ่นประจบเขาหรือ เขาคิดถึงฝ่ามือที่ไร้น้ำใจของเฉิงอวี๋จิ่นนั้นแล้ว ไม่ได้พูดตอบอะไร
ฮั่วเซวียซื่อถามว่า “ฉางยวน หลังจากนางยั่วยุให้เจ้าตามไปด้านนอก นางได้พูดสิ่งใดกับเจ้าบ้าง เจ้าบอกแม่ทีเถอะ”
ฮั่วฉางยวนในใจมีความไม่พอใจขึ้นรางๆ เขาอายุยี่สิบปีแล้ว คำพูดส่วนตัวที่เขากับอดีตคู่หมั้นคุยกัน บอกมารดาไปจะดูเป็นอย่างไร อีกอย่างฮั่วฉางยวนไม่อยากพูดคุยเรื่องเฉิงอวี๋จิ่นกับมารดา ราวกับว่านี่เป็นความลับ เขาไม่อยากให้ผู้อื่นมาคาดคั้น
ฮั่วฉางยวนเกิดความไม่พอใจรางๆ แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ฮั่วฉางยวนไม่ได้รู้สึกโกรธมารดาตนเอง เขาพูดกลบเกลื่อนว่า “ไม่มีอะไร นี่เป็นเรื่องของข้า ท่านแม่อย่าถามอีกเลย”
นิ้วมือฮั่วเซวียซื่อที่กำผ้าเช็ดหน้ากำแน่นขึ้น ความรู้สึกถึงอันตรายว่าบุตรชายจะถูกแย่งไปพุ่งขึ้นมาในใจ นางปกปิดความรู้สึกอย่างรวดเร็ว หัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ ฉางยวนไม่ให้ถาม เช่นนั้นแม่ก็ไม่ถามแล้ว เฮ้อ ต้องโทษที่พ่อเจ้าตายเร็ว แม่เป็นม่ายไม่สะดวกออกจากจวน ทำให้เสียเวลาในการจัดการงานแต่งงานของเจ้า ภายหลังเจ้าไปสนามรบ ไม่สะดวกจะพูดทาบทามสู่ขอ รอถึงตอนนี้เจ้าอายุยี่สิบแล้วยังไม่ได้กำหนดการแต่งงานอีก ถ้าแม่เริ่มมองหาสตรีให้เร็วกว่านี้ จะถึงขั้นทำให้ตอนนี้เจ้ายังไม่มีภรรยา ยังเกือบจะหลงกลคุณหนูใหญ่เฉิงนั่นอีกได้อย่างไร ฉางยวนวางใจได้ ช่วงนี้แม่จะไหว้วานคนไปสอบถาม ต้องหาภรรยาที่มีชาติกำเนิดสูงส่งเพียบพร้อม ไม่เอาแต่ใจอิจฉาริษยาได้แน่นอน”
ได้ยินเรื่องการพูดทาบทามสู่ขอ ฮั่วฉางยวนก็ขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านแม่ วันนี้เหตุใดท่านจึงไม่พูดกับสกุลเฉิงเรื่องที่ข้าจะแต่งงานกับโม่เอ๋อร์”
ฮั่วเซวียซื่อกับฉินซินต่างตกใจอย่างมาก “อะไรนะ!”
หัวคิ้วของฮั่วฉางยวนขมวดแน่นยิ่งขึ้น “เช้าวันนี้ข้าบอกท่านไปแล้ว ท่านไม่ได้ตั้งใจฟังหรือ”
ฮั่วเซวียซื่อไม่ได้ตั้งใจฟังจริงๆ ตอนนั้นนางได้ยินว่าฮั่วฉางยวนจะถอนหมั้น ความคิดก็ถูกดึงดูดไปทั้งหมดแล้ว จะได้ยินคำที่ฮั่วฉางยวนพูดว่าจะแต่งงานกับเฉิงอวี๋โม่ได้อย่างไร ฮั่วเซวียซื่อในใจรู้สึกไม่พอใจ สตรีในเมืองหลวงตายไปกันหมดแล้วหรือ เหตุใดฉางยวนจึงจับจ้องแต่คนสกุลเฉิง ตัดพี่สาวไปแล้วมาเลือกน้องสาวแทน