ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง บทที่ 7-บทที่ 8
เฉิงอวี๋โม่มองเฉิงอวี๋จิ่นอีกครั้ง เฉิงอวี๋จิ่นเผยรอยยิ้มใจกว้าง พูดว่า “ท่านย่าพูดแล้ว น้องหญิงรองจะมองพี่อยู่ไย ท่านย่าเมตตาเจ้า เจ้าก็รีบนั่งลงเถอะ”
เฉิงอวี๋โม่จึงประคองมือสาวใช้แล้วนั่งลง สาวใช้ที่สายตาดียกเก้าอี้ไม้สี่เหลี่ยมมาให้เฉิงหยวนจิ่งเช่นกัน แม่นมคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายท่านเก้า เหตุใดยังยืนอยู่เช่นกัน พวกเจ้ายังไม่รีบไปยกน้ำชาให้นายท่านเก้าอีกหรือ”
นี่เป็นห่วงโซ่อาหารในบ้านตระกูลใหญ่ คำพูดประโยคเดียวของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงสามารถกำหนดการปฏิบัติต่อบรรดาสะใภ้และหลานสาวได้ ส่วนเฉิงหยวนจิ่งกลับมาจากนอกเมือง ต่อให้เป็นบุตรชายอนุภรรยาไม่ได้รับความชื่นชอบจากฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงก็ไม่มีใครกล้าให้เขายืน
ท่านหญิงชิ่งฝูกับหร่วนซื่อแต่งงานมาสิบกว่าปีแล้ว มีลูก เลี้ยงลูก มีอายุระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังต้องยืนปรนนิบัติข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง ไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงในบ้านหรืองานเลี้ยงแขกก็ไม่มีเหตุผลให้สะใภ้นั่งร่วมโต๊ะ เฉิงอวี๋โม่เพราะป่วยหนักได้รับความสงสารจากฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง เพียงแค่ยกม้านั่งมาให้ตัวหนึ่ง นั่งเบาๆ เพียงครึ่งตัว แต่เฉิงหยวนจิ่งยืนอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพูดอะไร บ่าวก็ยกเก้าอี้ไม้สี่เหลี่ยมมาให้แล้ว
ผู้อ่อนแอเป็นอาหารของผู้แข็งแกร่ง แค่มองก็เข้าใจได้
เฉิงหยวนจิ่งเหลือบมองแวบหนึ่ง ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ พูดว่า “ไม่จำเป็น ข้าแค่มาเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่า คงไม่นั่งนานมาก ไม่ต้องลำบากหรอก”
รูปร่างของเขาในกลุ่มบุรุษนับว่าเป็นคนสูง เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางสตรีในห้องยิ่งทำให้ดูเหมือนไผ่เขียว ตัวสูงสง่า สะดุดตาอย่างมาก เขายืนนิ่งอยู่ข้างกายเฉิงอวี๋จิ่นไม่ขยับ ทำให้เฉิงอวี๋จิ่นรู้สึกถึงความปลอดภัยบางอย่างอย่างน่าประหลาด
เฉิงหยวนจิ่งไม่ยอมนั่ง บรรดาฝ่ายหญิงอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง แอบเหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงสีหน้าไม่ดีนัก แต่ไม่ได้พูดอะไร วันนี้ตั้งแต่ตื่นมามีแต่เรื่องไม่สบายใจ
บรรดาฝ่ายหญิงไม่กล้าพูดอะไร ในตอนนี้เฉิงอวี๋โม่กำหมัดพลางกระแอมสองที วางมือลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนข้าเข้ามาได้ยินท่านแม่พูดว่าอะไรเหมือนไม่เหมือนกัน นี่พูดอะไรกันอยู่หรือ”
ก็เป็นท่านหญิงชิ่งฝูกับหร่วนซื่อเทียบความสูงต่ำกันอีกแล้วล่ะสิ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงปรายตามองสะใภ้ทั้งสองคนอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง รังเกียจที่พวกนางมาพูดคำเช่นนี้ต่อหน้าลูกๆ ดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงไม่ได้หักหน้าสะใภ้ต่อหน้าทุกคน เพียงพูดว่า “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร ก็แค่พี่หญิงใหญ่ของเจ้าถอนหมั้นแล้ว แม่เจ้ากับป้าใหญ่เจ้าพูดทอดถอนใจไม่กี่ประโยคเท่านั้น”
“พี่หญิงใหญ่ถอนหมั้นแล้วหรือ” เฉิงอวี๋โม่มองไปที่เฉิงอวี๋จิ่น ในดวงตาแฝงความละอายใจ ยืนขึ้นมาพูดกับเฉิงอวี๋จิ่นว่า “ขออภัยด้วย พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่รู้ว่า…”
เฉิงอวี๋จิ่นกลอกตาขาวอย่างเย็นชาอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนใจกว้าง มองหน้าเฉิงอวี๋โม่ “น้องหญิงรอง เหตุใดต้องพูดขออภัยด้วย เจ้าทำอะไรผิดต่อพี่หรือ”
เฉิงอวี๋โม่อ้ำอึ้ง ก็เพราะนางบอกความจริงแก่ฮั่วฉางยวน เฉิงอวี๋จิ่นจึงได้ถูกถอนหมั้น เฉิงอวี๋โม่คิดไม่ถึงว่าจะรวดเร็วเพียงนี้ ดังนั้นจึงพูดขออภัยตามสัญชาตญาณ ตอนนี้จู่ๆ ก็ถูกเฉิงอวี๋จิ่นถามขึ้นมา นางจึงอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
อยู่ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่มากมายเช่นนี้…เรื่องของนางกับฮั่วฉางยวนจะพูดออกไปได้อย่างไรเล่า
เห็นเฉิงอวี๋โม่ไม่ยอมพูด เฉิงอวี๋จิ่นจึงคิดว่าเป็นจริงดังคาดอยู่ในใจ นางไม่รู้ถึงความเกี่ยวพันระหว่างเฉิงอวี๋โม่กับฮั่วฉางยวน หากชาติก่อนเฉิงอวี๋โม่บอกความจริงกับนางก่อนแต่งงาน นางก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเลวที่ทำลายคู่ของผู้อื่น เรื่องนี้สามารถแก้ไขจบลงอย่างงดงามได้ แต่เฉิงอวี๋โม่เป็นตายไม่ยอมพูด ต้องรอให้เฉิงอวี๋จิ่นแต่งเข้าไปก่อน ตั้งครรภ์แล้ว นางกับพี่ฮั่วของนางจึงค่อยสร้างความรักที่ทุกข์ทรมาน เจ้าไล่ข้าหลบด้วยความทุกข์ใจแต่ก็ห้ามใจไม่อยู่
ชาตินี้เฉิงอวี๋โม่เกิดใหม่ไปพูดตามตรงกับฮั่วฉางยวนตั้งแต่ต้น เฉิงอวี๋จิ่นกลายเป็นพี่สาวตัวร้ายที่แอบอ้างไปในทันที
ตอนนี้เฉิงอวี๋จิ่นให้โอกาสเฉิงอวี๋โม่ได้เล่าเรื่องของนางกับฮั่วฉางยวนต่อหน้าทุกคน แต่เฉิงอวี๋โม่จู่ๆ กลับหวาดกลัวขัดเขิน ไม่ยอมพูดอีก
เฉิงอวี๋จิ่นไม่อยากจะสนใจเฉิงอวี๋โม่อีก
เฉิงหยวนจิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของเฉิงอวี๋จิ่นแล้วเหลือบมองเฉิงอวี๋โม่อย่างเงียบๆ แวบหนึ่งก็คิดถึงสิ่งที่เขาเห็นในวันนี้ เฉิงอวี๋จิ่นพูดกับฮั่วฉางยวนว่า ‘น้องหญิงโม่ของท่าน’
ที่แท้เป็น ‘โม่’ นี้นี่เอง
เฉิงอวี๋โม่ถูกคำพูดของเฉิงอวี๋จิ่นทำให้อับอายจนหน้าแดงก่ำ เงยหน้าไม่ขึ้น ผู้อื่นไม่รู้ว่าเมื่อวานเฉิงอวี๋โม่พูดอะไรกับเฉิงอวี๋จิ่น พวกเขาคิดว่าเฉิงอวี๋โม่ละอายในเรื่องที่พูดกันนี้ ผลปรากฏว่าถูกเฉิงอวี๋จิ่นโมโหใส่ หร่วนซื่อสีหน้าไม่สู้ดี ทว่าตอนนี้เฉิงอวี๋จิ่นเป็นบุตรสาวของท่านหญิงชิ่งฝู นางไม่มีสิทธิ์จะพูดสั่งสอน ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงกวาดตามองทุกคนแวบหนึ่ง พูดเสียงเข้มว่า “พอได้แล้ว พูดให้น้อยหน่อยเถอะ”
จากนั้นนางก็มองไปที่เฉิงอวี๋จิ่น “ยายหนูใหญ่ เจ้าบอกความจริงย่ามา เจ้าไม่รู้เรื่องราวการถอนหมั้นจริงหรือ เจ้าฉีกหนังสือหมั้นหมายต่อหน้าทุกคน เป็นการล่วงเกินจวนจิ้งหย่งโหวอย่างมาก หลังจากนั้นจิ้งหย่งโหวไล่ตามออกไป พูดอะไรกับเจ้าบ้าง”
เฉิงอวี๋โม่ฟังถึงตรงนี้แล้วก็ตกใจ อะไรกัน! พี่ฉางยวนไล่ตามพี่หญิงใหญ่ออกไปหรือ ไม่ใช่สิ พี่หญิงใหญ่ฉีกหนังสือหมั้นหมายด้วยตนเองหรือ ตกลงกันว่าสกุลฮั่วจะมาถอนหมั้นมิใช่หรือไร เหตุใดดูไปแล้วเหมือนพี่หญิงใหญ่ไม่เห็นสกุลฮั่วอยู่ในสายตาเลย…
ถูกถามต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สบายใจจริงๆ สายตาทุกคนจับจ้องมาที่ตัวเฉิงอวี๋จิ่น
เฉิงอวี๋จิ่นพูดด้วยสีหน้าดังเดิม “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่ท่านโหวฮั่วมาขออภัยข้า กล่าวว่าสามารถเกี่ยวดองกับจวนอี๋ชุนโหวได้ เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก แต่วันที่มีพายุหิมะวันนั้นเขาจำคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ผิดคน ดังนั้นจึงเข้าใจผิดว่าเป็นข้า เขามาขออภัยข้าด้วยตนเอง ยังฝากข้ามาขออภัยท่านย่าด้วย วันหน้าเขาต้องมาขอขมาที่จวนแน่นอน”
“จริงหรือ” คำพูดของเฉิงอวี๋จิ่นพูดได้อย่างงดงาม แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงสงสัยอย่างมาก หากฮั่วฉางยวนจะขอขมา วันนี้คงไม่แสดงท่าทีเช่นนั้น และสีหน้าตอนที่ฮั่วฉางยวนไล่ตามออกไป…ก็ไม่ค่อยเหมือนจะไปขออภัย
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงขมวดคิ้ว “ยายหนูใหญ่ เจ้ารู้ความแต่เด็ก เจอเรื่องเช่นนี้ควรจะพูดอย่างไรทำอย่างไร เจ้าคงรู้กระจ่างกระมัง”
เฉิงอวี๋จิ่นถูกเค้นถามไม่หยุด นางก้มหน้าลง กำลังคิดจะใช้ความอ่อนแอมาเปลี่ยนจุดสนใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเฉิงหยวนจิ่งที่อยู่ข้างกายพูดว่า “คุณหนูใหญ่พูดถูกต้อง”
เฉิงอวี๋จิ่นตะลึงงันไป เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกใจ
เฉิงหยวนจิ่งยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย มองอารมณ์ไม่ออกกลับได้ยินเสียงกังวานของเขาพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้าว่า “ตอนข้ากลับจวนเจอคุณหนูใหญ่กับจิ้งหย่งโหวพอดี สถานการณ์เหมือนที่คุณหนูใหญ่เล่าไว้”
เสียงพูดของเฉิงหยวนจิ่งน่าฟังมาก เสียงที่เขาใช้พูดไม่ใช่เสียงดังทรงพลัง หรือเสียงราวตีระฆังอย่างนั้น แต่เป็นแบบสงบนิ่งไม่ร้อนรน แฝงบารมีกดดันที่ไร้รูปลักษณ์ ทำให้คนอยากจะก้มหัวศิโรราบ เขาไม่ได้บอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เพียงพูดว่าเฉิงอวี๋จิ่นพูดไม่ผิด หากเป็นเรื่องโกหกก็เป็นเฉิงอวี๋จิ่นที่โกหก
ทว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวก็เพียงพอแล้ว ท่านหญิงชิ่งฝูยิ้มเบิกบาน ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงไม่สะดวกใจจะถามต่อเช่นกัน ทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ ให้เฉิงอวี๋จิ่น “ในเมื่อไม่มีอะไร เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ วันหน้าห้ามทำเช่นนี้ เจ้าเป็นหญิง จะอยู่ลำพังกับชายคนนอกไม่ได้”
เฉิงอวี๋จิ่นก้มหน้า “เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงประทับตราสรุปเรื่องราว ไม่มีผู้ใดกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก บทสนทนาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เฉิงอวี๋จิ่นแอบโล่งใจ
เฉิงหยวนจิ่งฟังเพียงไม่กี่ประโยคก็ขยับตัวกล่าวลา ก่อนเขาจะเดินออกประตูไป ทันใดนั้นก็กวาดตามองเฉิงอวี๋จิ่นแวบหนึ่ง “เรื่องที่ท่านโหวสั่งเจ้าไว้ เจ้าไม่ไปทำหรือ”
เฉิงอวี๋จิ่นตะลึงไปชั่วครู่ ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงเคยพูดสั่งข้าหรือ
ตอนเฉิงหยวนจิ่งพูดประโยคนี้เสียงไม่เบาเลย ตอนนี้ทุกคนกำลังมองอยู่ เฉิงอวี๋จิ่นทำได้เพียงแสร้งว่าเพิ่งนึกออก พูดว่า “ขอบคุณท่านอาเก้าที่เตือนสติ ข้าเกือบลืมไปแล้ว ท่านย่า ท่านแม่ ข้าขอตัวก่อน”
บรรดาสาวใช้รีบขยับตัว ปรนนิบัติสวมเสื้อคลุมกันลมให้เฉิงอวี๋จิ่น และเปลี่ยนรองเท้าให้ ขณะที่เฉิงอวี๋จิ่นทำสิ่งเหล่านี้อยู่ เฉิงหยวนจิ่งก็ยืนรออยู่หน้าประตู รอจนนางสวมใส่เรียบร้อยเดินออกมา เฉิงหยวนจิ่งกวาดตามองนางด้วยสายตาเรียบเฉยแวบหนึ่ง “ไปกันเถอะ”