เวลาผ่านไปหลายปี ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงได้พบเสี่ยวเซวียซื่อ แก้มและมือของเสี่ยวเซวียซื่อไม่ละเอียดดังเดิม แต่ความอ่อนโยนสงบนิ่งในตัวนั้นยังคงเป็นเหมือนที่ผ่านมา ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเพราะอิจฉาและสงสัย เป็นตายไม่ยอมให้เสี่ยวเซวียซื่อเข้ามาอยู่ในจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงจำต้องเลี้ยงสองแม่ลูกไว้นอกจวน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างใช้จากเงินของตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงหลายปีมานี้พยายามหักเงินของท่านโหวผู้เฒ่าเฉิง แต่ก็เหมือนเจอภูตผีวิญญาณ บุตรชายของเสี่ยวเซวียซื่อผู้นั้นยังคงเลี้ยงได้อย่างเปิดเผยดีงาม กิริยาการกระทำมีความสง่าเหมือนได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ทั้งยังเชิญอาจารย์มาสอนสั่ง เข้าสอบขุนนางจนกระทั่งสอบได้จิ้นซื่อ
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงคิดถึงตรงนี้ก็แค้นจนคันฟัน “คนไร้หัวใจผู้นี้ หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเงินมากมายมาจากที่ใด เลี้ยงบ้านนอกสมรสไว้ไม่ว่า กลับยังเลี้ยงบุตรชายนอกสมรสจนเป็นจิ้นซื่ออีก บุตรชายข้าตั้งแต่เจ็ดขวบก็บังคับให้เขาเรียนหนังสือ ปกติตีและด่าว่าเขาไม่น้อยเช่นกัน ผลปรากฏว่าแม้แต่ถงเซิง* ยังเป็นไม่ได้เลย!”
คนที่ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงด่าคือซื่อจื่อเฉิงหยวนเสียน แม่นมจางไม่อาจพูดอะไรมากได้ ทำได้เพียงพูดปลอบว่า “ฮูหยินผู้เฒ่าท่านจะร้อนใจไปไยเจ้าคะ การสอบขุนนางเตรียมไว้ให้กับบุตรหลานสกุลต่ำต้อยไร้หนทาง ซื่อจื่อมีบรรดาศักดิ์ติดตัว เหตุใดต้องทนทุกข์กับเรื่องพรรค์นั้นด้วย อีกอย่างตระกูลพวกเรามีความดีความชอบ ย่อมมีเงาที่บรรพชนทิ้งเอาไว้อยู่ จะต้องผ่านความยุ่งยากไปไย”
“บุ๋นไม่ได้บู๊ไม่เก่ง รู้แต่ขลุกอยู่กับอนุภรรยาเหล่านั้นทุกวัน ทำให้ข้าโกรธแทบตายแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงพูดถึงบุตรชายคนโตแล้วก็ทนไม่ไหวก่นด่าออกมา
แม่นมจางเพียงแค่รับฟังเท่านั้น เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงบริภาษรุนแรงเช่นนี้ก็ฉุกคิด ทั้งที่บุตรชายมีภรรยาเป็นถึงท่านหญิง ในห้องจะมีอนุภรรยามากมายอย่างนั้นได้อย่างไร นี่ก็เป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงที่รักบุตรชาย ยัดเยียดสตรีเข้าไปให้เองอย่างไรเล่า
แม่นมจางพูดด้วยรอยยิ้ม “ซื่อจื่ออายุยังน้อย ชอบเล่นสนุก รอให้เขาโตขึ้นอีกนิดก็รู้ที่จะก้าวหน้าเอง อีกอย่างท่านยังมีนายท่านรองอยู่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“เจ้ารองยังขยันขันแข็งมาก เชื่อฟังกว่าพี่ชายเขาตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ยังขยันหมั่นเพียรดังเดิม” ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงตอนพูดถึงบุตรชายคนรองบนใบหน้ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ช้าก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “แต่ภรรยาของเขาผู้นั้นเดินเหินไม่แข็งแกร่ง พูดจาก็ไร้เรี่ยวแรง ดูแล้วเชิดหน้าชูตาไม่ได้ แม้แต่บุตรสาวที่นางเลี้ยงก็เป็นเช่นเดียวกัน ดูคุณหนูใหญ่สิ เป็นพี่น้องฝาแฝดกันแท้ๆ แต่พอมาเลี้ยงภายใต้การเลี้ยงดูของชิ่งฝูก็ดูสง่างามรู้ความกว่าลูกบ้านรอง เฮ้อ น่าเสียดาย หมากที่ดีเช่นนี้ การถอนหมั้นในครั้งนี้เกินครึ่งคงเสียไปแล้ว เสียดายที่ข้าอุ้มชูนางมาหลายปี หวังให้นางมีหน้ามีตา แต่งกับครอบครัวที่ดี วันหน้าช่วยสนับสนุนบิดาและน้องชาย จิ้งหย่งโหวมีอนาคตดีเพียงใด ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน”
คำพูดนี้แม่นมจางไม่สะดวกจะพูดต่อ คุณหนูใหญ่หลายปีมานี้มีตัวตนอยู่เป็นดั่งเสาหลักของสกุล ไม่ว่าเรื่องอะไรขอเพียงมีคุณหนูใหญ่อยู่ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก อันดับหนึ่งย่อมเป็นของคุณหนูใหญ่แน่นอน เมื่อเทียบกันแล้วคุณหนูรองเฉิงอวี๋โม่จะน่าเข้าหากว่า ได้รับความชื่นชอบจากพี่น้องมากกว่า
ทว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่นมจางที่เป็นบ่าวคนหนึ่ง ในความคิดของนาง ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูใหญ่หรือคุณหนูรองล้วนแต่เป็นคนที่สูงจนนางเอื้อมไม่ถึง ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “อาศัยบุตรสาวคงไม่ได้แล้ว หรือวันหน้าต้องให้เฉิงหยวนจิ่งขึ้นมาเป็นเสาหลักสกุลเฉิงจริงๆ แต่เขาเป็นบุตรชายนอกสมรส…”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก ทว่าลูกหลานจะมีความโดดเด่นหรือไม่ แค่ดูการกระทำก็มองออกได้แล้ว เฉิงหยวนเสียนมาถึงวัยกลางคนแล้ว ตำแหน่งยังใหญ่เทียบเฉิงหยวนจิ่งที่อายุสิบเก้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้แต่นายท่านรองเฉิงที่หร่วนซื่อมักจะพร่ำพูดว่ามีความขยันโดดเด่น เทียบกับเฉิงหยวนจิ่งแล้วก็ยังห่างชั้นกันมาก
บุรุษทั้งจวนสกุลเฉิงมัดรวมกันยังเทียบเฉิงหยวนจิ่งคนเดียวไม่ได้เลย ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงย่อมยอมรับไม่ได้ ทว่านี่จะมีวิธีแก้ไขอะไรได้ แม่นมจางพูดเกลี้ยกล่อมด้วยเจตนาดี “ฮูหยินผู้เฒ่า อายุท่านไม่น้อยแล้ว หลานสาวใกล้จะแต่งงาน ท่านยังจะยึดติดอยู่กับเรื่องสมัยสาวๆ ด้วยเหตุใดเจ้าคะ เสี่ยวเซวียซื่อป่วยตายไปหลายปีแล้ว บุตรชายนอกสมรสกลายเป็นคนที่มีตำแหน่งขุนนางสูงที่สุดในสกุลเฉิง ต่อให้ท่านจะไม่คิดผูกมัดใจเขา แต่จะผลักนายท่านเก้าไปนอกบ้านไม่ได้นะเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงถอนหายใจ “ข้ามีหรือจะไม่รู้ เสี่ยวเซวียซื่อป่วยตายไปในรัชศกเจี้ยนอู่ปีที่สิบเก้า นางมีความอดทนมาก อยู่จนเห็นเฉิงหยวนจิ่งสอบได้จิ้นซื่อ จึงยอมปล่อยมือ พูดไปก็บังเอิญ ในปีนั้นเองคดีสกุลเซวียกลับมาจบลงด้วยดี เสี่ยวเซวียซื่อก่อนตายได้ยินว่าบุตรชายสอบได้จิ้นซื่อ ได้ยินว่าคดีทางบ้านเดิมจบลงด้วยดี เป็นการตายที่ไม่มีความเสียดายอะไรจริงๆ ถ้าบุตรชายสองคนนั้นของข้ามีโอกาสที่ดีเหมือนเฉิงหยวนจิ่ง ให้ข้าตาย ข้าก็เต็มใจ”