บทที่ 3
ปล้นทรัพย์ปล้นสวาท!
ฮวาชุนซินทั้งตกใจทั้งโมโห ทั้งโกรธทั้งลนลาน…นี่เรียกว่าล่าห่านตลอดปีกลับถูกห่านจิกตา* ใช่หรือไม่ ไม่สิ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ นางที่ถูกจี้จุดใบ้รู้ดีว่าการร้องขอความช่วยเหลือเป็นไปไม่ได้ จึงได้แต่บังคับให้ตนเองตั้งสติ เฝ้ารอโอกาสในการตอบโต้และหลบหนี…คิดว่าจะเตะแท่งผลิตลูกหลานของเจ้าสารเลวผู้นี้อย่างไรดี
ในที่สุดนางก็ถูกโยนลงบนเตียงหอมนุ่มหลังหนึ่ง ยังไม่ทันพลิกตัวกลับมา ขาก็ถีบออกไปอย่างว่องไวปานสายฟ้า
ทว่าเสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวดที่คิดภาพไว้ไม่ดังขึ้น นางกลับถูกคนตัวสูงใหญ่และหนักอึ้งกดทับไว้แทน!
“เจ้ากำลังทำอะไรของเจ้ากันแน่!”
“ตีโจรราคะอย่างไรเล่า ยังจะ…เอ๋?” นางเบิกตาทันใด ร่างนุ่มนิ่มที่พยายามดิ้นรนขัดขืนพลันชะงัก “กวนหยาง?!”
เรือนร่างสูงใหญ่กำยำที่ทาบทับอยู่บนตัวนางและส่งพลังงานความร้อนมาให้ กล้ามเนื้อตึงแน่นแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้านี้…มิใช่แม่ทัพกวนที่ทำเอานางน้ำลายหกมานานแล้วหรอกหรือ!
หัวสมองของนางเกิดเสียงผ่าง ดวงหน้าเล็กแดงก่ำ ไหนเลยจะคิดถึงคำว่า ‘สตรีต้องรักนวลสงวนตัว’ ออก นางไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นอุ้งเท้าหมาป่าออกไปฉีกเสื้อด้านหน้าของเขาออกโดยไว ฝ่ามือกับปลายนิ้วแนบสนิทกับแผงอกเปลือยเปล่าของเขา อีกทั้งยังไม่ลืมบีบขยำสองทีด้วย
ประเมินด้วยสายตาหรือจะสู้วัดด้วยมือเล่า นางรอวันนี้มานานมากแล้ว!
“แม่นางฮวา เจ้า…” กวนหยางตกตะลึงพรึงเพริด สูดหายใจอย่างตระหนก ชั่วขณะหนึ่งที่เขาแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ลืมกระทั่งดึงมือเล็กที่ปัดป่ายแผงอกตนและกำลังจุดเพลิงบางอย่างออกด้วยซ้ำ
“หวา ทั้งใหญ่ทั้งแข็งจริงๆ…” กล้ามเนื้อหน้าอกนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
เปลวเพลิงแปลกๆ กลุ่มหนึ่งลุกโหมขึ้นมาจากท้องน้อย ใบหน้างามสง่าของกวนหยางตึงเครียดจนบิดเบี้ยว เขากัดฟันแน่นรักษาความยับยั้งชั่งใจเสี้ยวสุดท้ายเอาไว้ได้อย่างหมิ่นเหม่ หมายจะดึงนางออกจากร่างด้วยความโมโห แต่พอเขาขยับตัว ฮวาชุนซินที่ยัง ‘วัดขนาดไม่เสร็จ’ ก็ร้อนใจ สองมือกอดเขาไว้แน่นเหมือนปลาหมึกยักษ์
พลาดโอกาสนี้ไป ต้องรอโอกาสดีนี้อีกกี่วันกี่เดือนกี่ปีกันเล่า!
ฮวาชุนซินห่วงแต่จะจับคน ไม่ได้ตระหนักเลยว่าเรือนร่างอวบอิ่มอ่อนนุ่มของตนแนบติดกับบุรุษกำยำที่เลือดลมกำลังพลุ่งพล่านแล้วจะก่อให้เกิดเปลวเพลิงที่ลามไปทั่วทุ่งได้อย่างไรบ้าง
ในหอโคมเขียวมักจุดเครื่องหอมปลุกเร้าอารมณ์ไว้อยู่แล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นกำซาบเข้าไปในจมูก แทรกซึมสู่จิตใจ พวกเขาล้วนไม่มีใครตระหนักถึงความผิดปกตินี้ บางทีอาจเพราะกลิ่นหอมจากกำยาน หรือบางทีอาจเพราะผิวกายที่เสียดสีกัน ระหว่างที่เรือนร่างอ่อนนุ่มกับเรือนร่างกำยำบดเบียดกันไปมาจนไม่เหลือช่องว่างนั้นเอง ทุกอย่างก็หลุดจากการควบคุม…
กวนหยางทาบทับนางไว้บนฟูก ดวงตาสีดำจับจ้องนางอย่างอันตราย “เจ้าลืมไปแล้วจริงๆ หรือว่าข้าเป็นบุรุษคนหนึ่ง”
รอยยิ้มกระหยิ่มใจบนใบหน้านางชะงักค้าง มองเขาอย่างงุนงงเล็กน้อย “เอ่อ…”
“ข้ายอมให้เจ้าหนึ่งครั้ง สองครั้ง…ครั้งนี้ เจ้าว่าข้าควรลงโทษเจ้าอย่างไรดี” เขาพลันประชิดเข้าไปยังติ่งหูจิ้มลิ้มของนาง หัวเราะเสียงแหบอย่างดุดัน ลมหายใจที่พ่นออกมาร้อนระอุปลุกความวาบหวิว “หืม?”
นางสั่นสะท้าน ร่างกายชาวาบไปครึ่งซีกอย่างห้ามไม่อยู่ ความตื่นเต้นกระหยิ่มใจในตอนแรกหายไป แทนที่ด้วยความตื่นตระหนกลนลาน
มะ…เมื่อครู่นี้ข้าทำอะไรลงไปบ้าง…