ความแข็งขึงร้อนระอุที่กำลังดุนดันหน้าท้องนางอยู่ตอนนี้เต้นตุบๆ เป็นพักๆ…นี่ก็คือ ‘เจ้าสิ่งนั้น’ ที่นางวาดอยู่บ่อยๆ หรือ
ตะ…ตอนนี้แกล้งตายยังทันหรือไม่
ฮวาชุนซินอยากยิ้มประจบและขออภัย แต่กลับรู้สึกว่าเจ้าสิ่งใหญ่โตตรงหน้าท้องแข็งขึงร้อนผ่าวกว่าเดิม หัวใจนางสั่นระรัว พยายามบิดตัวหนีทีหนึ่ง ทว่ากลับทำให้เจ้าสิ่งนั้นพลันขยายตัวออกอีก บดเบียดเสียดสีและติดขัดอยู่ตรงหว่างขานางที่ทั้งเจ็บทั้งร้อนทั้งชาวาบในเวลาเดียวกัน ตอนนี้เหลือเพียงกางเกงตัวในบางเบา…ข้าศึกก็จะบุกประชิดถึงเมืองแล้ว!
“อ๊ะ!”
“ฮึก!”
การเสียดสีที่นึกไม่ถึงเหมือนไฟป่าที่ลุกแล้วยากจะดับ พวกเขาสองคนสูดหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย คนหนึ่งหอบครางเสียงหวาน อีกคนหอบเสียงต่ำ
ฮวาชุนซินรู้สึกเพียงความรุ่มร้อนวาบหวิวที่ไม่คุ้นเคยกำลังแผ่ออกมาจากจุดน่าอายของร่างกายท่อนล่าง นางหอบกระชั้นเสียงค่อย แผ่นหลังสะท้านเป็นพักๆ ร่างกายอ่อนระทวยอย่างไม่เอาไหน
ครั้นรู้สึกถึงความสั่นสะท้านของร่างหอมกรุ่นนุ่มนิ่มที่ละลายอยู่ใต้ร่างตน ในใจกวนหยางก็บังเกิดไฟ…ทว่านั่นกลับเป็นไฟปรารถนา…เขาก้มหน้าลงโดยไม่คิด ประกบปากเล็กอวบอิ่มนุ่มละมุนของคนใต้ร่างอย่างรุนแรง การกระทำแฝงแววลงโทษอย่างหนักหน่วงและขาดการควบคุม ดูดเม้มลิ้นเล็กของนางอย่างฮึกเหิม กวาดชิมน้ำหวานในโพรงปากนางอย่างดุดัน…
ริมฝีปากของทั้งสองคลอเคลียกัน นางถูกจูบจนแทบหายใจไม่ทัน ริมฝีปากแดงฉ่ำชื้น เสียงครางเล็ดลอดออกมาติดๆ กัน ทรวงอกกลมกลึงสะท้อนขึ้นลงรุนแรง คล้ายต่อต้านคล้ายเขินอายและยิ่งคล้ายจงใจยั่วเย้า ขยี้ทำลายสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้ายของชายหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า
เขาจุมพิตนางแนบแน่น ฝ่ามือใหญ่กระชากเสื้อผ้าตรงหน้าอกนางออก ผิวขาวนุ่มเนียนดุจหยกมันแพะปรากฏขึ้นทันที ทรวงอกกลมกลึงชูช่อถูกประคองไว้ด้วยเอี๊ยมบังทรงสีแดงดิ้นเงิน ชั่วเวลาต่อมาเมื่อสายผูกเอี๊ยมคลายออก ทรวงอกขาวเนียนดุจหยกก็ดีดเด้งออกมา ดอกตูมสีแดงเล็กสองจุดสั่นระริก ขยายตัวออกจนทั้งแข็งและวาบหวิว เต็มไปด้วยการเชื้อเชิญ…
มือข้างหนึ่งของกวนหยางประคองเต้าอวบอิ่มของนางไว้อย่างมั่นคงทว่าอ่อนโยน รู้สึกเพียงสัมผัสลื่นละมุนดุจนวลไขทำให้คนตัดใจปล่อยมือมิได้ โดยเฉพาะยอดตูมเล็กๆ ที่ดุนดันฝ่ามือเขาอยู่ ยามถูกลูบไล้ก็ยิ่งชูชัน ทุกครั้งที่หยอกเย้า ปากเล็กของนางจะเปล่งเสียงครางเร้าอารมณ์ออกมา ปลุกปั่นความรู้สึกในใจเขา กวนหยางตื่นตัวฮึกเหิมจนกระทั่งตาเหยี่ยวแดงก่ำ
เขาโน้มศีรษะลงครอบครองทรวงอกเนียนนุ่มดุจนวลไขของนางอย่างละโมบ ปลายลิ้นหยอกเย้าปลายยอดของนางรัวเร็วประหนึ่งสายฝนที่กระหน่ำลงมา ประเดี๋ยวหมุนวนประเดี๋ยวขบเม้มเบาๆ ทำเอาวิญญาณของฮวาชุนซินหลุดลอยออกไปไกล เสียงครางแว่วหวานดังไม่หยุด ร่างกายสั่นระริกประหนึ่งใบไม้ร่วงกลางสายลมฤดูสารท ท่อนล่างที่ถูกความใหญ่โตดุนดันเกร็งกระตุกโดยไม่รู้ตัว น้ำค้างเหนียวลื่นแผ่ออกไปวงแล้ววงเล่า
“อย่า…อย่าทำอีกเลย ข้ายังไม่อาจ…อื้อ!” นางพลันรู้สึกว่าร่างกายท่อนล่างถูกความใหญ่โตรุกรานเข้ามาผ่านกางเกงตัวบาง ขยายเส้นทางเล็กแคบออกนิดๆ จนนางรู้สึกเจ็บ หญิงสาวตกใจจนแทบเป็นลม หอบสะท้านพลางอ้อนวอนเสียงสะอื้น
“ในเมื่อวางเพลิงแล้ว…ก็อย่าได้คิดจะถอนตัว” หน้าผากและแผ่นหลังกว้างของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อร้อนระอุ ดวงหน้างามเคร่งขรึมที่ฉายอารมรณ์ปรารถนาฉีกยิ้ม น้ำเสียงทุ้มหนักข่มขู่อยู่ข้างหูนางขณะเป่าลมหายใจรินรด สัตว์ร้ายตรงหว่างขาบุกรุกเข้ามาประชิดใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย “อย่างน้อย ข้าก็ควรเก็บดอกเบี้ยจากเจ้าสักส่วนสองส่วน…ใช่หรือไม่”
“ไม่…ไม่ได้…” นางทั้งตระหนกทั้งอับอาย ทั้งโมโหทั้งสั่นสะท้าน ในร่างเหมือนมีฮวาชุนซินสองคน คนหนึ่งมัวเมาไปกับอารมณ์ใคร่ อดใจรอไม่ไหวอยากอ้อนวอนเขาให้เข้ามาหานาง อีกคนหนึ่งใช้เหตุผลและสติสัมปชัญญะ ร้อนใจอยากหยุดยั้ง ‘การกระทำรุนแรง’ อย่างป่าเถื่อนไร้มารยาทของเขา นางหอบครางน้ำเสียงขาดห้วง “มารดาไม่ยอมให้การเสียตัวครั้งแรก…เกิดขึ้นในหอนางโลมแน่”
ได้ยินดังนั้นแผ่นหลังกว้างกำยำของกวนหยางพลันแข็งทื่อ นัยน์ตาสีดำเบิกกว้าง จ้องคนตัวเล็กใต้ร่างอย่างเหลือเชื่อ
“เป็นสตรียังไม่ได้ออกเรือนไฉนจึงพูดจาหยาบคายเช่นนี้” เขาตำหนิ