ตนซึ่งเป็นอาจารย์วาดภาพวังวสันต์ที่โด่งดังของทางใต้กลับประเมิน…เอ่อ ขนาดของเขาด้วยสายตาผิดพลาดไปจากความจริงเช่นนี้ เห็นเสือร้ายตัวหนึ่งผิดไปเป็นสุนัขเสียได้?!
ว่าไปแล้ว…พกอาวุธใหญ่โตเช่นนี้ ยามเดินเหินไปมาไม่ลำบากหรือ
เป็นอีกครั้งที่กวนหยางไฟลุกขึ้นมาเพราะสายตาที่เปี่ยมด้วยความสงสัยใคร่รู้และความกระตือรือร้น ทั้งยังเปิดเผยโจ่งแจ้งเช่นนี้ของนาง เขารุ่มร้อนไปทั้งตัว ‘พี่น้อง’ ที่เดิมทีต้องใช้ความพยายามสุดกำลังทำให้สงบลงกลับปวดร้าวและขยายตัวอีกครั้ง
“เจ้าอยากบีบให้ข้าจัดการกับเจ้าตรงนี้เลยจริงๆ ใช่หรือไม่” คำพูดแต่ละคำถูกเค้นลอดไรฟันออกมา
“ฮะ?!” นางตกใจดวงหน้าแดงปลั่ง รีบกระแอมกระไอและเบือนหน้าไปทางอื่น “คือว่า…ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้ พูดกันดีๆ แหะๆ”
แต่กางเกงสีดำของเขาที่มีเจ้าสิ่งนั้นดุนดันออกมา เห็นรางๆ ว่าเปียกชื้นจนเป็นสีเข้ม ไม่รู้ว่าเป็นของนางหรือว่าของเขา…สวรรค์! ฮวาชุนซิน เจ้าจะต่ำช้าหยาบคายไปถึงไหนกัน!
ต่อให้ฮวาชุนซินหน้าหนาดุจกำแพงเมืองก็อดหน้าแดงไม่ได้ กวนหยางคล้ายรู้สึกตัว สีหน้าจึงแข็งกระด้างเย็นชาฉายความอึดอัดขึ้นวูบหนึ่ง เขาหันหลังโดยเร็ว เอามือไพล่หลังพลางพูดเสียงแข็ง “เอาเป็นว่านับแต่นี้ไปอย่ามาสถานที่สกปรกเช่นนี้อีก”
“เรื่องอะไรท่านมาได้ ข้าจะมาไม่ได้เล่า เผด็จการ” หัวใจนางยังเต้นระรัวไม่หยุดเหมือนดังอยู่ข้างหู บ่นงึมงำเบาๆ
“หืม?” ไอสังหารลอยมาอีกครา
นางรีบหุบปาก ฉีกยิ้มประจบประแจง ทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า “ทราบแล้วๆ”
ครั้งหน้าข้าจะสืบกับผู้คุมของที่นี่ให้ชัดเจนก่อน…
“อืม” ในที่สุดใครบางคนก็แค่นเสียงออกมาด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย
ในท้องของฮวาชุนซินเต็มไปด้วยคำบ่นว่า นางฉวยจังหวะนี้จัดเสื้อผ้าตนเองอยู่ใต้ผ้าห่มแพร คิดถึงเมื่อครู่นี้ที่เปลวเพลิงเกือบลุกลามออกไป เกิดศึกเนื้อหนังขึ้นแล้ว ใบหน้าก็แดงเป็นก้นลิงอย่างห้ามไม่อยู่
ขณะคิดฟุ้งซ่าน นางไม่ได้ตระหนักเลยว่าร่างสูงใหญ่ได้จากไปเงียบๆ แล้ว จนกระทั่งข้ารับใช้หญิงนำเสื้อผ้าชุดหนึ่งเข้ามาให้อย่างนอบน้อม นางถึงได้มองออกไปข้างนอกอย่างเศร้าหมองผิดหวัง
เขาจากไปทั้งอย่างนี้จริงๆ หรือ
“ลืมถามเขาไปเลยว่ามาหอโคมเขียวด้วยเหตุใด!” นางอุทานออกมาพร้อมเบิกตากว้าง
หน็อยแน่! เขาคงไม่ได้มาหาความสำราญกระมัง
ไม่ถูกๆ โลกนี้เกรงว่าคงไม่มีใครเข้าใจคำว่า ‘รักนวลสงวนตัว’ เข้มงวดกับตนเองจนใกล้เคียงกับคำว่า ‘วิปริต’ เท่ากับเขากวนหยางอีกแล้ว หากเขามาหาบุปผาที่หอโคมเขียวได้ เหล่าเจียงที่บ้านนางก็คงเป็นกิ่งไม้แห้งที่มีบุปผาผลิบานแล้วล่ะ!
“ชิ!” นางลูบอกตนเองอย่างตกใจไม่หาย “ข้ากินอิ่มเกินไปไม่มีเรื่องทำ ถึงต้องสร้างเรื่องให้ตนเองตกใจเองหรือไร เขาเป็นแม่ทัพปกปักทักษิณ เป็นกวนโหวซื่อจื่อ* ผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง หากสันดานดิบกำเริบขึ้นมาจริง จะต้องมาปลดปล่อยที่หอโคมเขียวด้วยหรือ”
ว่าไปแล้ว ในจวนแม่ทัพมีคุณหนูผู้อวบอิ่มงดงาม นวลเนียนประหนึ่งหยกบริสุทธิ์อยู่พอดีมิใช่หรือ!
บุรุษในโลกมีคนใดบ้างที่ไม่ชอบคนอ่อนหวาน ไม่ชอบคนงาม
พอคิดว่าตนเองแก่กว่าผู้อื่นถึงสี่ปีเต็ม เทียบความอ่อนเยาว์กันแล้ว ห่างไกลจากผู้อื่นถึงเก้าช่วงถนน รอยยิ้มบนใบหน้าของฮวาชุนซินก็ดุดัน หัวใจเหมือนถูกโถมซัดด้วยน้ำส้มที่ซานซี*