ฉับพลันก็มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น สายลมกระโชกพัดหอบมา ม้าหลายสิบตัวห้อตะบึงมาท่ามกลางฝุ่นคลุ้ง ชาวบ้านเร่งรีบเข้าเมืองกันอย่างวุ่นวาย เหลือทิ้งไว้เพียงแพะหลงฝูงไม่กี่ตัวที่หลบตัวสั่นอยู่ในพงหญ้า คล้ายกำลังรอชะตาถูกสังเวยอย่างไรอย่างนั้น
เรือนผมงดงามของเถาเม่ยเอ๋อร์ถูกสายลมแรงพัดจนยุ่งเหยิง กลุ่มคนบนม้านั้นร้องตวาดคำหนึ่งแล้วหยุดฝีเท้าม้าลง
“ท่านแม่ทัพ พวกเรามาถึงชานเมืองเจี้ยนคังแล้วขอรับ เกรงว่าฮ่องเต้คงยังทรงกรนอยู่เลย!”
“ฮ่าๆๆ!” แม่ทัพผู้นั้นกระชากบังเหียนหยุดม้าพร้อมหัวเราะอย่างสาแก่ใจ “ยอดเยี่ยม วันนี้พวกเราเสร็จสิ้นการเดินทางแล้ว พวกเจ้าสามารถพักผ่อนได้ รอพรุ่งนี้สืบข่าวสภาพของพื้นที่เรียบร้อยแล้วก็รอต้อนรับท่านอัครเสนาบดีได้!”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
หัวใจเถาเม่ยเอ๋อร์หนักอึ้งขึ้น คาดไม่ถึงว่าพวกกบฏจะเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วเพียงนี้ เกรงว่าคงไม่อาจเดินทางต่อไปได้อีกแล้ว
จินเจิ้งที่อยู่ข้างกายสติหลุดลอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาขดตัวกลมพลางเขยิบซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้
“ท่านแม่ทัพ ตรงนั้นมีคนอยู่ด้วยขอรับ” ทหารกบฏผู้หนึ่งค้นพบร่องรอยของคนอย่างรวดเร็ว
“หืม? ยังมีพวกไม่กลัวตายด้วยรึ” แม่ทัพผู้นั้นประหลาดใจเป็นอย่างมาก มองตามประกายดาบของทหารกบฏผู้นั้นไป
ห่างออกไปไกลสิบก้าว มองเห็นเพียงสตรีแต่งกายเรียบง่ายผู้หนึ่งยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางสายลม
“ท่านแม่ทัพ วาสนาของพวกเราช่างไม่ธรรมดาเลย ลำบากมาหลายวัน นึกไม่ถึงว่าจะได้พบหญิงงามเช่นนี้!” แววตาของทหารกบฏผู้นั้นราวกับหมาป่าที่จับจ้องลูกแกะ ทั้งหื่นกระหายและหยาบโลน “เห็นทีความคิดเคลื่อนทัพมายังเมืองหลวงของท่านอัครเสนาบดีจะเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดจริงๆ ไม่เพียงแต่ได้รับทรัพย์สมบัติของใต้หล้า ยังสามารถครอบครองหญิงงามของใต้หล้าได้อีกด้วย ชื่อเสียงหญิงงามแห่งเจียงหนานมิใช่เล่าขานเพียงลมปาก!”
“เหอะ! หากท่านอัครเสนาบดีมีความคิดคับแคบเช่นเจ้าจะยังสามารถทำการใหญ่อะไรได้อีก หลบไป!” นึกไม่ถึงว่าแม่ทัพผู้มีหนวดเคราเต็มหน้า ยามมองไปยังให้ความรู้สึกป่าเถื่อนไร้หัวคิด ผู้ใดจะคาดคิดว่ายามเปล่งวาจากลับหนักแน่นเข้มงวด สะท้านวิญญาณผู้ฟัง
“ขอรับ” ทหารกบฏผู้นั้นตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ หดคอพร้อมล่าถอยไป
ทหารจำนวนหนึ่งภายใต้คำสั่งของแม่ทัพเดินมาล้อมรอบเถาเม่ยเอ๋อร์และจินเจิ้ง
ลมกระโชกสายหนึ่งพัดหอบมา ดอกไม้ข้างทางโปรยปรายลงมาจำนวนนับไม่ถ้วน หลังเสียงฟ้าร้องดังขึ้นไม่กี่ครั้ง หยาดฝนเม็ดเล็กก็พรั่งพรูลงมา ไอเย็นแฝงกลิ่นของดินโคลนให้ความรู้สึกทั้งอ้างว้างและบ้าคลั่ง ฝนของเจียงหนานช่วงนี้มักจะร่วงหล่นจากฟากฟ้าอย่างอ่อนโยนอ้อยอิ่ง โปรยปรายไม่ขาดตอน ไม่เคยตกลงมาอย่างหนักหน่วงเช่นนี้มาก่อน ในชั่วพริบตาทุกคนต่างพากันอาภรณ์เปียกปอน
เถาเม่ยเอ๋อร์นึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว นางน่าจะฟังคำพูดของจินเจิ้งแต่แรก ถอยก่อนแล้วค่อยบุก ยามนี้เส้นทางข้างหน้าอันตรายยิ่งนัก มองไม่เห็นปลายทางอีกต่อไป