“ระวัง!” เถาเม่ยเอ๋อร์กรีดร้องตกใจ ไม่ว่าอย่างไรชีวิตมนุษย์ย่อมสำคัญที่สุด นางจะเมินเฉยไม่สนใจได้อย่างไร
สีหน้าแม่ทัพเคราดกเปลี่ยนไปกะทันหัน เขาเบี่ยงตัวหลบออก แต่สุดท้ายยังคงหลบไม่พ้น ได้แต่มองดูลูกธนูดอกนั้นยิงถูกแขนซ้ายของตนเองกับตา
หนึ่งในสองทหารคนสนิทพุ่งออกนอกกระโจมไปเรียกคนมาคอยเฝ้าระวังทันที ส่วนอีกนายนั้นก็ไม่มีแก่ใจจะจับจ้องเถาเม่ยเอ๋อร์อีก
ดาบธนูไร้ตา แม้จะเป็นแม่ทัพผู้ชำนาญศึก แต่ในสถานการณ์วิกฤตก็สามารถพลาดท่าได้เช่นกัน แม่ทัพเคราดกผู้นั้นล้มลงกับพื้นทันที เขาประคองต้นแขนซ้ายพร้อมร้องเสียงเบา “ลูกธนูดอกนี้มีพิษ!”
ภายนอกกระโจมมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น เสียงฝีเท้าจำนวนมากใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งยังมีลมประหลาดพัดหอบเข้ามาอีกครั้ง ท้องฟ้ามืดครึ้มลงในพริบตา
เถาเม่ยเอ๋อร์กล่าวเสียงสั่น “รีบดึงม่านลง จุดไฟ ไปเอาล่วมยาของข้ามา! เร็วเข้า!”
ทหารคนสนิทผู้นั้นมองเถาเม่ยเอ๋อร์อย่างลังเล ก่อนหันไปมองแม่ทัพเคราดกเพื่อสอบถาม
สีหน้าของแม่ทัพเคราดกผู้นั้นยิ่งซีดขาว ร่างกายที่แข็งแกร่งอ่อนยวบไร้กำลังในชั่วพริบตา เขาผงกศีรษะอย่างอ่อนล้า “ทำตามที่นางสั่งเถอะ”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!” ทหารคนสนิทผู้นั้นร้องตะโกนเรียก “ใครก็ได้ไปเอาตัวเด็กคนนั้นกับล่วมยามา!”
เพียงไม่นานจินเจิ้งก็เดินกอดล่วมยาเข้ามาในกระโจมใหญ่
“คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
เถาเม่ยเอ๋อร์กวาดมองจินเจิ้งอย่างว่องไวคราหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “เจ้ายังไหวหรือไม่”
“คุณหนู ข้าไม่เป็นอะไร ท่าน…” สายตาของจินเจิ้งมองไปทางแม่ทัพเคราดกที่อยู่ด้านข้าง เห็นเพียงลูกธนูดอกนั้นปักลึกเข้าไปในเนื้อ ริมฝีปากของแม่ทัพเคราดกเริ่มสั่นระริกขึ้นมา
เถาเม่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างเคร่งเครียด “จินเจิ้ง ตัดแขนเสื้อของเขาออก สถานการณ์เร่งด่วนตอนนี้คือการนำหัวลูกธนูออกมาก่อน มิฉะนั้นพิษจากหัวลูกธนูจะแทรกซึมลึกเข้าไปยังอวัยวะภายใน หากช้ากว่านี้เกรงว่าจะไม่อาจช่วยได้แล้ว”
จินเจิ้งผงกศีรษะ ก่อนตัดแขนเสื้อของแม่ทัพเคราดกออกตามคำสั่งของเถาเม่ยเอ๋อร์
เถาเม่ยเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกพลางตั้งสติ จากนั้นจึงเปิดล่วมยาอย่างว่องไว หยิบยาลูกกลอนเม็ดเล็กๆ มาบดใส่บาดแผล
“ช้าก่อน!” ทหารคนสนิทระแวดระวังขึ้นมาทันที “เจ้าใส่ยาอะไรให้ท่านแม่ทัพ”
“นี่คือยาลูกกลอนเจี่ยกู่หวัน ทำมาจากด้วงมูลสัตว์ แร่สยงหวง งาช้าง บดเป็นผงในปริมาณเท่าๆ กันแล้วปั้นเป็นยาลูกกลอน มีไว้เพื่อดึงหัวลูกธนูออกโดยเฉพาะ ท่านแม่ทัพ รู้สึกว่าบนต้นแขนคันจนยากจะทนได้ไหวหรือไม่”
แม่ทัพเคราดกผู้นั้นขยับร่างเล็กน้อยอย่างอ่อนแรง สีหน้าคล้ายกำลังพยายามอดทนอย่างใหญ่หลวง
“อ๊าก!” ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของแม่ทัพเคราดก เถาเม่ยเอ๋อร์ถอนหัวลูกธนูออกอย่างว่องไว
เมื่อเห็นแม่ทัพเคราดกผู้นั้นตัวสั่นไปทั้งกาย เหงื่อหลั่งชโลม บนต้นแขนซ้ายมีเนื้อเละๆ กำลังมีโลหิตและหนองทะลักออกมาอย่างน่าหวาดกลัว เถาเม่ยเอ๋อร์ก็หยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาแล้วเทลงไปบนต้นแขนซ้ายของแม่ทัพเคราดก ในที่สุดแม่ทัพเคราดกก็ทนไม่ไหวร้องโอดครวญออกมาเสียงดัง
ชิ้ง! ที่ด้านหลังแม่ทัพเคราดกไม่รู้ปรากฏทหารผู้หนึ่งตั้งแต่เมื่อใด คมดาบเงาวับส่องประกายภายใต้แสงเทียน เพิ่มกลิ่นอายเย็นชาอยู่หลายส่วน
“ไม่ ถอยออกไป…” สีหน้าแม่ทัพเคราดกยังคงซีดขาว เขาโบกมืออย่างอ่อนแรงพลางกล่าว “เห็นทีวันนี้ข้าจะได้พบผู้สูงศักดิ์แล้ว คุณหนูเถา ดั่งคำกล่าวที่ว่าทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง จวบจนวันนี้ข้าจึงเพิ่งเข้าใจความหมายของมัน ยามนี้ไม่ว่าเป็นผู้ใดที่ต้องการกำจัดข้า วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คนของคุณหนูก็ทำให้ข้ายอมรับนับถือจากใจแล้ว”
“ท่านแม่ทัพ ยามเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเช่นนี้ท่านยังสามารถหนักแน่นเป็นปกติได้ นับว่าเข้มแข็งยิ่งกว่ากวนอวิ้นฉางที่ขูดกระดูกรักษาแผลเสียอีก ข้าขอชื่นชมเจ้าค่ะ”
“น่าละอายใจนัก…”
“ทว่าท่านแม่ทัพอย่าได้ลืมบุญคุณของแผ่นดิน สูญเสียความเป็นวิญญูชนจนโยนไข่มุกลงข้างทางเสียได้เล่า”
“เฮ้อ…” นึกไม่ถึงว่าแม่ทัพเคราดกผู้นั้นจะทอดถอนใจ “โยนไข่มุกลงข้างทาง? ทุกวันนี้หากจะถอยหลังกลับเกรงว่าจะไม่ทันแล้ว ข้าติดหนี้บุญคุณคุณหนู ย่อมรู้จักตอบแทนอย่างแน่นอน คุณหนูไม่ต้องกลับเมืองอีกแล้ว ในช่วงเวลานี้เมืองเจี้ยนคังไม่อาจหลีกเลี่ยงศึกสงครามได้ หาสถานที่สักแห่งซ่อนตัวอยู่ก่อน รอให้เรื่องผ่านพ้นไปแล้วค่อยคิดหาแผนรับมือ”
“ที่ท่านแม่ทัพกล่าวหมายความว่าภัยพิบัติครั้งนี้ยากจะหลีกเลี่ยงหรือ”
ภายนอกกระโจมมีเสียงฝนตกราวกับแมลงไต่ เข้าโจมตีหัวใจช้าๆ และค่อยๆ กัดกินไปทีละนิด หัวใจนางรู้สึกเจ็บปวดอย่างช่วยไม่ได้
แม่ทัพเคราดกผู้นั้นไร้วาจา
“สั่งให้คนหาแพะมาตัวหนึ่ง แล้วสังหารแพะเอาโลหิตมาดื่มกินและทาบาดแผล หลังผ่านไปไม่กี่วันก็จะหายดีเอง โชคดีที่เป็นเพียงลูกธนูพิษทั่วไป ตอนนี้พิษได้ถูกกำจัดไปแล้วเจ้าค่ะ”
เถาเม่ยเอ๋อร์จัดการบาดแผลให้แม่ทัพเคราดกเรียบร้อย ในใจรู้สึกสับสนอย่างหนักราวกับถูกลูกธนูยิงทะลุหัวใจตนเอง นางจึงกล่าวลาแม่ทัพเคราดก ก่อนเร่งรีบเดินออกจากกระโจมทหารไปพร้อมกับจินเจิ้ง
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 20 ก.ย. 62)