นึกไม่ถึงว่าหลินจื่อเฟิงจะนิ่งอึ้งไป เทียบกับท่าทีที่เขาไปยั่วยุสกุลสวีวันนั้นแล้ว ยามนี้เขาก็ดูเป็นคนละคน
“ท่านเขย ท่านรีบบอกมาเร็วเข้า มันเป็นของอะไรกันแน่หรือขอรับ” จินเจิ้งข่มความประหลาดใจไว้ไม่ไหวจึงถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ
เถาเม่ยเอ๋อร์ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังมา จากนั้นก็ได้ยินหลินจื่อเฟิงหันกายกลับไปกล่าวกับจินเจิ้ง
“ชื่อของมันเรียกว่าไม้เฉินเซียง เกิดจากต้นไม้โบราณที่ล้มฝังลงไปในดิน อาจเพราะเป็นโรคหรือถูกแมลงกัดกิน จนผ่านกาลเวลายาวนานนับสิบปีถึงหนึ่งร้อยปี ดูดกลืนสารอาหารในน้ำและดินไปมาก เป็นเพราะเปลือกไม้ผุพังเหลือเพียงเนื้อไม้ด้านใน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้จมน้ำและได้ชื่อนี้มา* ในการเก็บเครื่องหอมนี้จะต้องเดินเข้าไปในป่าเขา บริเวณที่มีป่าไม้แน่นหนาซึ่งมีต้นไม้เกิดใหม่ หากไม่ทันระวังก็อาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงเป็นของล้ำค่ามาก”
“หืม? แล้วท่านไปได้มันมาจากที่ใดกัน” จินเจิ้งตกตะลึง
“เรื่องนี้…” หลินจื่อเฟิงชะงักไปชั่วครู่ก่อนกล่าวเสียงทุ้ม “มีสหายเก่าผู้หนึ่งมอบให้”
“เช่นนั้นสหายเก่าผู้นั้นของท่านไปได้มันมาจากที่ใดหรือ” จินเจิ้งคล้ายมองไม่เห็นคิ้วที่ขมวดแน่นของหลินจื่อเฟิง ยังคงอยากถามให้ถึงที่สุด
“เรื่องนี้…”
“จินเจิ้ง ในเมื่อผู้อื่นเขาไม่อยากพูด เจ้าก็ไม่ต้องไปบังคับให้เขาลำบากใจแล้ว ก็แค่เครื่องหอมเท่านั้น มีอะไรน่าตื่นเต้นกัน” เถาเม่ยเอ๋อร์ตระหนักว่ายิ่งตนเองไม่สนใจ หลินจื่อเฟิงก็ยิ่งถูกกระตุ้นได้ง่ายขึ้น ในการรับมือกับเขา นางจำต้องใช้ความสงบสยบการเคลื่อนไหว นั่นจึงเป็นแผนรับมือที่ดีที่สุด
และดังคาด หลินจื่อเฟิงถูกสีหน้าเรียบเฉยของเถาเม่ยเอ๋อร์กระตุ้นโทสะบ้างแล้วจริงๆ “นี่ไม่ใช่เครื่องหอมทั่วไป หากจับคู่กับสมุนไพรตัวอื่นได้อย่างเหมาะสมก็จะเป็นตำรับยาชั้นดีที่สามารถรักษาโรคขจัดทุกข์ได้ เดิมตัวเฉินเซียงนี้ก็มีสรรพคุณในการรั้งลมปราณลงและอบอุ่นภายใน ดึงลมปราณเข้าและอบอุ่นไต”
“ในเมื่อไม่ใช่ของของจงหยวน เหตุใดเจ้าจึงเหมือนนับสมบัติของตระกูล ได้เล่า ดูแล้วจะต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดียิ่ง เม่ยเอ๋อร์ช่างความรู้ตื้นเขินเสียจริง ไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า วันหน้าต้องขอให้ช่วยสั่งสอนให้มากแล้ว” นางลอบรู้สึกขบขัน คนหยิ่งผยองผู้สูงส่งที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยเพียงแค่ลมปากของสตรีคนเดียวก็ถูกบีบให้ต้องพ่ายแพ้แล้ว นี่มิใช่เรื่องที่ชวนให้รู้สึกสะใจหรอกหรือ
“เจ้า…” เส้นเลือดเขียวบนหน้าผากเขาผุดขึ้นมากะทันหัน นัยน์ตาดำขลับสาดประกายเย็นชา
เถาเม่ยเอ๋อร์หลบเลี่ยงสายตาคมปลาบของเขาพลางใช้นิ้วคีบกลีบดอกไป๋จวี๋ขาวบริสุทธิ์ขึ้นมาวางเรียงกันบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รอจนถึงยามซื่อ จึงจะเป็นช่วงเวลาผึ่งลมที่ดีที่สุด