บทที่ 4
“ไอ้พิ พรุ่งนี้ไปรีสอร์ตของเพื่อนน้องดาวด้วยกันนะ เขาบอกว่ามีเซอร์ไพรส์ให้ข้าประหลาดใจเล่นอยู่ที่นั่น อยากรู้จริงว่าเป็นอะไร”
เอกภพถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาพร้อมกับเอ่ยชวน แต่ถูกพิรัลโบกมือใส่เป็นทำนองว่าอย่าเพิ่งรบกวน ชายหนุ่มจึงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ว่าง มองเพื่อนที่ทุ่มเทสมาธิให้กับงานอย่างทึ่งๆ
ถึงพิรัลจะได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มเสเพลรักสนุก แต่เรื่องงานไม่เคยเสีย…ตลอดสองวันที่พวกเขามาพักอยู่ที่นี่เป็นหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี เพราะพิรัลไม่เคยชวนเขาไปเที่ยวเตร่ที่ไหน ชายหนุ่มออกสำรวจพื้นที่พร้อมผู้ช่วยและเด็กฝึกงาน โดยมีผู้จัดการไร่อำนวยความสะดวกให้ ทั้งจัดหาบ้านพักและห้องทำงานที่มีอุปกรณ์ครบครัน ส่วนตัวเจ้าของรีสอร์ตไม่อยู่ เห็นว่ายุ่งอยู่กับงานในเมือง ปลายสัปดาห์ถึงจะกลับมาที่นี่ ระหว่างนี้พิรัลจึงวางแปลนร่างแบบหยาบๆ ไว้เสนอ ถ้าถูกใจลูกค้าก็จะลงมือเขียนแบบจริงให้ละเอียดยิ่งขึ้น
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน พิรัลกำลังแก้รายละเอียดที่ไม่ถูกใจอยู่คนเดียว ส่วนผู้ช่วยกับเด็กฝึกงานแยกย้ายไปนอนหมดแล้ว ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาอยู่เกือบสิบนาทีถึงได้วางมือจากงาน หันไปหาเพื่อน
“เมื่อกี้มึงว่าอะไร จะชวนกูไปไหน”
“รีสอร์ตของเพื่อนน้องดาวไง ชื่อไปรยารีสอร์ต…อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่หรอก กูถามทางจากน้องดาวเรียบร้อยแล้ว ช่วงเช้ามึงว่างไม่ใช่เหรอ เห็นผู้จัดการว่าคุณชลธิษาจะเข้ามาดูงานตอนบ่ายสามนี่”
“ก็ใช่ แล้วมึงจะไปทำไม หรือจะไปดูที่ฮันนีมูนล่วงหน้า” พิรัลหยอดเสียงแหย่
เอกภพทำหน้าเก้อเล็กน้อย
“อย่าแซวกันน่า เมื่อกี้กูคุยกับน้องดาว…”
“จนแบตฯ เกือบหมด” พิรัลขัดขึ้นก่อนอีกฝ่ายจะพูดจบ และหลิ่วตาล้อ “สามสิบจะสามสิบเอ็ดแล้วนะมึง ยังจะทำตัวเหมือนหนุ่มรุ่นริรักอีก แบบนี้เขาเรียกว่ากระชากวัยอย่างแรงเลยนะพวก”
“ช่างกู” เอกภพตัดบทห้วนๆ “ตกลงมึงจะไปหรือไม่ไป”
“ไปก็ได้ กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเซอร์ไพรส์ของยายน้องดาวของมึงเป็นอะไร”
‘เซอร์ไพรส์ของยายน้องดาว’ เดินออกจากบ้านแต่เช้าด้วยชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีตุ่นกับกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบเพื่อความกระฉับกระเฉง รวบผมยาวเป็นเปียเดี่ยวทางด้านหลัง ทำให้ปิ่นแก้วที่เตรียมตัวออกไปข้างนอกเช่นกันทักถามตามความเคยชิน
“วันนี้จะเข้าไร่หรือหนูปาย”
“ช่วงบ่ายอาจเข้าค่ะ ช่วงเช้าขอสำรวจแถวนี้ก่อน ฝนตกบ่อยอย่างนี้เป็นโรคง่าย ต้องดูแลดีๆ หน่อย”
หญิงสาวอธิบายเจื้อยแจ้ว ปิ่นแก้วพยักหน้าอือออไปตามเรื่อง เพราะไม่มีความรู้ความสนใจในเรื่องนี้ ผิดกับบุตรสาวที่ได้รับเลือดพ่อมาแรง สมัยที่ปพนยังมีชีวิตอยู่ พ่อลูกขลุกกันอยู่แต่ในสวน เฝ้ามองและช่วยกันตัดแต่งดอกไม้จนลืมเวลากิน เดือดร้อนให้เธอส่งคนไปตามบ่อยๆ แม้ผู้เป็นพ่อได้ล่วงลับไปหลายปีแล้ว แต่ผู้เป็นลูกก็ยังรักษามรดกที่เขาทิ้งไว้ให้อย่างดีเยี่ยม ยังคงเต็มใจดูแลงานในไร่ เป็นลูกพ่อเต็มตัวเหมือนเดิม
ไปรยาเหมือนสาวที่มีสองบุคลิกในตัว นาทีหนึ่งอาจจะเป็นสาวมั่นทันสมัย แต่อีกนาทีก็สามารถสลัดมันทิ้งไป กลายร่างเป็นสาวชาวไร่อย่างกลมกลืน
“แล้วนี่แม่จะเข้าเมืองเหรอคะ”
“จ้ะ ว่าจะแวะไปรับเสื้อที่ตัดไว้ แล้วจะเลยไปหาป้าดาของหนูด้วย”
“คราวนี้จะวางแผนหาคู่ให้ใครอีกคะเนี่ย ปายหรือพี่ภัทร์”
หญิงสาวหยอดเสียงแหย่ เรียกรอยยิ้มบนเรียวปากมารดาซึ่งแกล้งตอบทีเล่นทีจริงว่า
“ทั้งสองคนเลย”
ทำเอาไปรยาส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธเป็นพัลวัน “ปายไม่เอาด้วยแล้วนะคะแม่ คราวที่แล้วปายยังขายหน้าไม่หาย ปายจะไม่ยอมตามใจแม่กับเรื่องแบบนี้อีกแล้วนะคะ”
“แม่ก็เสียความรู้สึกเหมือนกันล่ะ ราตรีออกจะดีแสนดี ไม่น่ามีลูกชายตาถั่วอย่างนายพิรัลเลย เสียดายจริง แม่อยากให้นายนั่นได้เห็นหนูสักหน จะได้รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไป มันคงสะใจพิลึกเวลาที่เราปฏิเสธเขา”
ปิ่นแก้วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดอย่างจ้องจองเวรชายหนุ่มไม่เลิก ไปรยาฟังแล้วก็กลั้นยิ้มขำ