บทที่ 6
ตอนที่เจียงไป่ลี่พุ่งพรวดเข้ามา ลั่วจื่อกำลั่งนั่งเหม่อมองแสงอาทิตย์ที่ส่องเป็นรูปจัตุรัสลงมาบนพื้น จากนั้นก็ถูกเสียงตะโกนของอีกฝ่ายทำให้ตกใจจนได้สติกลับมา
“ทำไมเธอถึงไม่ออกไปล่ะ พวกชมรมกำลังรับสมัครสมาชิกใหม่ คนเยอะมาก ชมรมการ์ตูนแต่งคอสเพลย์กันด้วย”
ผ่านไปสองอาทิตย์แล้วนับตั้งแต่เธอได้เจอเซิ่งไหวหนานครั้งนั้น ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนเก้า เวลาของอากาศร้อนจัดได้ผ่านพ้นไปแล้ว อากาศเปลี่ยนเป็นเย็นลง ถึงแม้แสงแดดวันนี้จะสดใส ทว่ากลับหนาวเป็นพิเศษ ซ้ำลั่วจื่อยังเจอ ‘วันนั้นของเดือน’ มือเท้าจึงเย็นเฉียบ เธอหดคอเข้าไปในเสื้อไหมพรม สองมือประคองแก้วน้ำร้อน ขดตัวอยู่เป็นก้อนด้วยสีหน้าเหม่อลอย ต่อให้ตอนนี้อากาศข้างนอกอาจจะอบอุ่นกว่าภายในห้องที่เย็นเยือก เธอก็ยังไม่อยากจะขยับตัวอยู่ดี
เกอปี้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสภาชมรม ช่วงสองสามวันนี้ชมรมต่างๆ กำลังรับสมัครสมาชิกใหม่กันอย่างคึกคัก เขาในฐานะหัวหน้ามีเรื่องที่ต้องทำเยอะมาก แต่ว่าพวกผู้ช่วยเป็นเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งจะรับเข้ามายังทำงานไม่คล่อง สมาชิกเก่าปีสองเป็นเพราะว่าไม่มีตำแหน่งอะไรให้อยู่เลยทยอยกันออกไปหมดนานแล้ว ในช่วงเวลาที่ขาดคนแบบนี้ เจียงไป่ลี่กลายมาเป็นกำลังหลักที่ไร้ตำแหน่ง ช่วยงานแบบไม่เกี่ยงงอน ยุ่งหัวหมุนอยู่ทุกวัน ทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะกันมาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทำให้ลั่วจื่อประหลาดใจอย่างมาก
เจียงไป่ลี่ลากตัวลั่วจื่อออกจากเก้าอี้พลางบ่นรัวเป็นปืนกล “เดี๋ยวพวกสมาชิกจะมาปรึกษากันเรื่องปาร์ตี้ตอนเย็น เธอไม่ชอบเสียงดังไม่ใช่เหรอ ออกไปเดินเล่นเถอะ ดูเธอสิ ยังไม่ทันจะเดือนสิบมาสวมเสื้อไหมพรมอะไรกัน เธอเป็นคนเหนือจริงเปล่าเนี่ย น่าขายหน้าชะมัด”
เจียงไป่ลี่เพิ่งจะพูดจบก็รับโทรศัพท์ต่อ
“ตอนเย็นจะเลี้ยงข้าวฉันจริงๆ เหรอ ฉันขี้เกียจออกไปข้างนอก สั่งเข้ามากินเถอะ ฉันยังมีบัตรส่วนลดของปาป้าโจนส์ด้วย บัตรนักศึกษาลดสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่ก่อนหน้านี้สาวสวยหลิวจิ้งของพวกนายคนนั้นชวนทุกคนไปทำบัตรไง ลืมแล้วเหรอ…เอาเป็นว่ารอพวกสมาชิกของนายมาแล้ว ฉันจะฝากพวกเขาเอาไปให้นายก็แล้วกัน ห้ามเบี้ยวล่ะ นายบอกเองนะว่าจะเลี้ยง”
เธอยิ้มหวานขณะหย่อนก้นลงบนโต๊ะของลั่วจื่อ “อืม เดี๋ยวพวกเขาก็มา พวกนายประชุมกันเสร็จหรือยัง…โอ๊ย น่ารำคาญชะมัด! ฉันรู้แล้วน่า!”
ลั่วจื่อเงยหน้ามองเจียงไป่ลี่ที่กำลังกระตือรือร้นโปรยเสน่ห์ผ่านโทรศัพท์อย่างจนปัญญา เธอถอดเสื้อไหมพรมออกช้าๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นเสื้อนอกแล้วก้าวออกจากห้องพักไป
เธอเดินเรื่อยเปื่อยไปอย่างไร้จุดหมาย ขณะเงยหน้ามองใบแปะก้วยสีทองอร่ามกับแสงแดดยามบ่ายบาดตาที่ส่องผ่านช่องว่างลงมาไปตลอดทาง ลั่วจื่อกางนิ้วยืดออกไปบนฟ้า ปล่อยให้แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบาดตาตัวเอง
เบื่อถึงที่สุด ทั้งยังหงุดหงิดเล็กๆ ที่ไม่ได้หยิบสมุดคำศัพท์ IELTS ออกมาด้วย แต่พอคิดถึงเสียงออดอ้อนอ่อนหวานของเจียงไป่ลี่แล้ว เธอก็ขี้เกียจกลับไปเอาอยู่ดี