ลัลน์พากลุ่มของนพวินทร์ไปนั่งที่โต๊ะซึ่งจัดรอไว้ใกล้ด้านหน้าเวทีมากที่สุด เธอหันไปมองหาเด็กให้มาช่วยบริการเครื่องดื่มแล้วก็ได้เห็นมินก้าวเข้ามายืนชิด ลัลน์ส่งยิ้มที่มุมปากเพียงนิดเดียวไปให้ แล้วเบือนหน้าไปหาบริกรเพื่อสั่งเครื่องดื่มให้แขกวีไอพีของเธอ
“ทำไมไม่รอมินเลย” แม้อยากตัดพ้อออกไปแต่มินก็ต้องฝืนข่มใจ พยายามปรับน้ำเสียงที่เอ่ยให้เรียบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ก็เห็นมีสาวๆ มาเกาะ เลยนึกว่าคงไม่อยากให้กวน” น้ำเสียงของลัลน์ติดแววหมั่นไส้…เจ้าน้องชายโตขึ้นทุกวัน…
“ทำไม ไม่ชอบให้มีสาวๆ อยู่ใกล้มินเหรอ” คราวนี้มินรู้สึกราวกับหัวใจพองโต แต่เพียงไม่นานก็คล้ายจะฟีบแผ่ว
“ไม่รู้สิ โตแล้วนี่ จะอยากมีหรือไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องของพี่แล้วมั้ง”
“ลัลน์…”
“อย่ามาทำเสียงอ่อยน่า พี่ไม่ได้ดุมินสักหน่อย นี่แขกมาพร้อมหมดแล้วมั้ง มินไปเตรียมขึ้นเวทีเถอะ…ดีไหม” ลัลน์ถอนหายใจน้อยๆ ชวนคุยเปลี่ยนเรื่อง พยายามผลักไสอารมณ์ขุ่นแปลกๆ ของตัวเองไปให้ไกลเมื่อนึกขึ้นได้ว่างานในคืนนี้เป็นงานมงคลของพี่เมธิ และเธอควรจะยิ้มแย้มสดชื่นมากกว่า
“ไปอยู่ใกล้ๆ กันข้างเวทีได้ไหมลัลน์” มินถาม
“ไม่ได้หรอก พี่ต้องคอยดูแขกเหมือนกันนา อีกอย่าง ไปอยู่ข้างเวทีก็เห็นไม่ชัดสิ วันนี้พี่เมธิหล่อออก พ่อกับมินก็เหมือนกัน พี่นั่งข้างหน้าจะได้เห็นชัดๆ ไง แล้วมินเองถ้ามองลงมาจากเวทีก็จะเห็นพี่ชัดๆ ด้วย ดีไหม” ลัลน์ปรับน้ำเสียงให้แจ่มใส
“ลัลน์จะอยู่ในที่ที่มินมองเห็นได้ชัดเจนเสมอ…ใช่ไหม” คำถามของมินทำให้ลัลน์หันไปมอง แววตาจริงจังที่มองมาทำให้อดขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ได้
…หมู่นี้ท่าทางของมินแปลกๆ จนลัลน์รู้สึกประหลาดบอกไม่ถูก…จะว่าไปมันแปลกยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เขากลับบ้านครั้งนี้ก็ว่าได้…
“ถามแปลกจังนะ เป็นอะไรเหรอหมู่นี้ เรียนหนัก…เหนื่อย อยากได้กำลังใจหรือเปล่า”
“ได้ไหมล่ะ มินขอจากลัลน์ได้ไหม” น้ำเสียงของเขาจริงจัง ดวงตาแน่วแน่มองอย่างรอคอย
“ขอจากพี่ระวังจะไม่ชื่นใจเท่าสาวๆ นะ” ลัลน์ยังไม่วายอยากจะขอค่อนขอด ภาพของต่ายที่ส่งยิ้มเอียงอายให้มินผ่านเข้ามาในใจ ปลายเสียงของลัลน์แผ่วเบาเพราะราวกับหัวใจมีอะไรมาสะกิดให้หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ
“ลัลน์อย่าพูดเล่นสิ มินถามจริงๆ นะ ได้ไหม…มินขอจากลัลน์ได้หรือเปล่า”
ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ลัลน์อดคิดไม่ได้ว่าน้องชายน่าจะหนักใจเรื่องเรียนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจบ มันทำให้ลัลน์นึกถึงบทบาทความเป็นพี่ของตัวเองที่มีให้เขาเสมอมา จึงส่งยิ้มพร้อมกับเอื้อมไปบีบกระชับมืออีกฝ่ายหวังจะส่งกำลังใจให้เขา
“ได้สิ ได้เสมอ พี่เป็นกำลังใจให้มินเสมอนั่นแหละไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ว่าแต่มินดีกว่า จะอยากได้กำลังใจจากพี่นานแค่ไหนก็ไม่รู้ อีกไม่นานขี้คร้านจะอยากได้จากคนอื่น” แม้จะพยายามทำตัวเป็นพี่ที่ดี แต่ประโยคสุดท้ายลัลน์ก็ยังไม่วายขอดักคอเขาสักหน่อย
“ไม่มีวันนั้นหรอก ยังไงมินก็จะขอแค่ลัลน์คนเดียวตลอดไป”
ถ้าจะมีความขุ่นข้องใดๆ ค้างอยู่ในใจลัลน์ น้ำเสียงหนักแน่นที่ได้ยินจากมินก็ราวกับจะปัดเป่าให้มันจางหาย รอยยิ้มของเธอจึงกระจ่างบนสองแก้มส่งให้แววตาอ่อนละมุน
“จ้า จะคอยดูนะ เอ้าไปๆ ไปทำหน้าที่พิธีกร…น้องชายที่ดีของพี่เมธิได้แล้ว อยากได้กำลังใจก็มองมานะ พี่จะส่งให้จากหน้าเวทีเลย” ลัลน์รุนหลังเขาให้ออกเดิน
มินยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากแล้วก้าวไปทำหน้าที่ของตัวเองแต่โดยดี บิดาที่เห็นอยู่ไม่ไกลทำให้ลัลน์ตัดสินใจเดินไปหาอีกฝ่ายบ้างเพื่อจะได้ดูแลท่านก่อนจะขึ้นเวทีไปทำหน้าที่ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว