แม่นมหลินกังวลว่าหากปล่อยให้คุณหนูฝันร้ายนานไปจะทำให้จิตใจย่ำแย่ อดร้อนใจดั่งมีไฟแผดเผาไม่ได้ จึงรีบวางตะเกียงไว้ข้างๆ โอบร่างฟู่หลันหยาไว้แนบอกแล้วตบปลอบเบาๆ พลางร้องเรียกซ้ำๆ ในที่สุดนางก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วลืมตาโพลง
ความหวาดหวั่นยังคงอยู่ในแววตาฟู่หลันหยาไม่จางหาย สองมือนางกำผ้าห่มแน่น ยังคงหอบหายใจไม่หยุด พอเห็นแม่นมหลินก็ยังผวาจนเกือบจะหลุดเสียงร้องออกมา
แม่นมหลินพูดปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างแผ่วเบาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดฟู่หลันหยาก็รู้ตัวว่าตนเองกำลังอยู่ที่ใด นางสงบลงได้เสียที
แม่นมหลินเห็นว่าแววหวาดกลัวหายไปจากดวงตาของคุณหนูแล้วก็โล่งอก นางพลันเรียกสาวใช้สองสามคนให้ไปยกน้ำร้อนกับนำผ้าสะอาดเข้ามา แล้วช่วยผลัดเปลี่ยนชุดนอนที่ชุ่มเหงื่อให้
ฟู่หลันหยาเอนร่างนอนลงเงียบๆ ปล่อยให้แม่นมหลินกับสาวใช้จัดการไป ในห้วงความคิดยังวนเวียนอยู่ในความฝันเมื่อครู่นี้
ตั้งแต่บิดาถูกเรียกตัวเข้าเมืองหลวงเป็นการเร่งด่วน หลายวันมานี้นางก็เอาแต่ฝันร้าย
ความฝันในช่วงแรกส่วนใหญ่ล้วนไม่ปะติดปะต่อ หลังจากตื่นขึ้นมาไม่ว่านางพยายามหวนนึกถึงเพียงใดก็จะจำได้แต่ภาพที่ขาดๆ หายๆ
สองสามวันที่ผ่านมานี้ ภาพฝันนั้นค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น มีหลายครั้งที่นางฝันเห็นตนเองอยู่ในหุบเหวลึก รอบด้านมืดมนอนธการ หมอกหนาทึบปกคลุม ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับภาพสะท้อนในคันฉ่องสำริดที่ดูบิดเบี้ยวอย่างน่าประหลาด
นางอยู่เพียงลำพัง รู้สึกแค่ความหวาดหวั่นพรั่นพรึง ขณะที่ร้องเรียกหาบิดาและพี่ชายในความฝัน กลับได้ยินเพียงเสียงสะท้อนอันเวิ้งว้างว่างเปล่ากลับไปกลับมาภายในหุบเหว ไม่ได้ยินเสียงขานตอบจากบิดาและพี่ชายเลยสักครั้ง
นางวิ่งโซซัดโซเซจนอ่อนล้า ในความเลือนรางมีแขนข้างหนึ่งที่เย็นเยียบมาวางบนไหล่ นางตกใจอย่างมาก หันไปมองด้วยความกลัว กลับเห็นเป็นใบหน้าเศร้าหมองและซีดเผือดของมารดา…
ทุกครั้งที่หวนนึกถึงภาพนี้ ความรู้สึกไม่สบายใจจะประดังขึ้นในใจฟู่หลันหยาอย่างลึกล้ำ หลังจากมารดาตายไป อีกฝ่ายก็แทบไม่ได้ปรากฏในความฝันของนาง ไม่อาจเห็นหน้าได้โดยง่าย แต่เหตุใดสีหน้ามารดาจึงดูน่าหวาดหวั่นเช่นนี้…
“คุณหนู” แม่นมหลินยื่นชามใส่ยาช่วยให้จิตใจสงบซึ่งยังร้อนกรุ่นมาให้ฟู่หลันหยาเพื่อขัดจังหวะความคิดของนาง “เปลี่ยนยามาหลายเทียบแล้ว โรคฝันร้ายของคุณหนูกลับไม่ดีขึ้นเสียที คงต้องให้พ่อบ้านโจวไปเชิญท่านหมอมาดูอาการคุณหนูสักหน่อยแล้ว”
พูดแล้วก็เอื้อมมือไปแตะหน้าผากฟู่หลันหยา แล้วพูดอย่างยินดี “ดีนะเจ้าคะที่ไม่มีไข้ ข้างนอกคนเร่ร่อนกำลังออกอาละวาดก่อเหตุร้าย แม้แต่ท่านหมอเฉิงยังต้องหลบไปอยู่ชนบท ไม่อาจมาช่วยดูอาการให้คุณหนูได้ในเร็ววัน มิเช่นนั้นด้วยความสามารถเขาน่าจะหาสาเหตุอาการป่วยของคุณหนูได้นานแล้ว มีหรือคุณหนูจะล้มป่วยเนิ่นนานถึงเพียงนี้”
แม่นมหลินมองดูคุณหนูด้วยความเป็นห่วงยิ่งนัก ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ดีๆ ฟู่หลันหยาเกิดอาการฝันร้าย ยามกลางวันก็ขวัญผวาหวาดหวั่น หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้พวกนางทั้งนายและบ่าวคงได้ออกเดินทางมุ่งไปยังเมืองสู่เพื่อเยี่ยมเยียนลุงของคุณหนูไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้คงจะคลาดกับชาวอี๋ ที่เข้ามาก่อจลาจลได้พอดิบพอดี ไม่ต้องติดอยู่ในเมืองจนไปที่ใดไม่ได้เช่นนี้
ฟู่หลันหยารับยาชามนั้นไปดื่มเงียบๆ พลางหวนนึกถึงคืนที่บิดาถูกเรียกตัวอย่างลับๆ ให้เร่งรีบเดินทางเข้าเมืองหลวง ตอนที่ออกเดินทาง บิดาจำต้องมอบหมายให้เสิ่นฟู่เหนียนรองข้าหลวงตรวจการเขตทหารอวิ๋นหนานรับช่วงดูแลงานต่างๆ ในอวิ๋นหนานเป็นการชั่วคราว บัดนี้ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว กลับไม่ได้ข่าวคราวใดๆ จากบิดาเสียที จนนางอดนึกคลางแคลงใจไม่ได้