เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีคนเร่งรีบมาเคาะประตูห้องด้านใน “คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ! ข้างนอกมีทหารของทางการกองหนึ่งมา บอกว่า…บอกว่านายท่านของพวกเราต้องโทษ พวกเขาจะเข้ามาสะสางภายในจวน คนพวกนั้นสวมชุดแพรเฟยอวี๋ ดูแล้วเป็นองครักษ์เสื้อแพร พ่อบ้านโจวทัดทานไว้ไม่อยู่ ตอนนี้เปิดประตูเข้ามาแล้วเจ้าค่ะ”
องครักษ์เสื้อแพร? คำนี้เสมือนสายฟ้าฟาดดังกึกก้อง สีหน้าแม่นมหลินถอดสี พยายามข่มใจให้สงบแล้วเอ่ยว่า “พูดจาเหลวไหล! นายท่านของพวกเราเป็นผู้ตรวจการอวิ๋นหนานที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้ง ต่อให้มาสะสางเรื่องคดี ก็ต้องเป็นนายท่านของพวกเราต่างหากที่เป็นผู้ตรวจสอบผู้อื่น! จะเป็นองครักษ์เสื้อแพรจริงหรือ เกรงว่าเกินครึ่งคงต้องเป็นคนเร่ร่อนปลอมตัวมา ไปสิ รีบให้พ่อบ้านโจวนำคนรับใช้ขับไล่พวกเขาออกไป อย่าให้คุณหนูต้องพลอยตกอกตกใจไปด้วย”
สาวใช้หลายคนที่อยู่หน้าประตูยังไม่ทันได้ตอบ ข้างนอกก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นทันที ลานเรือนที่เดิมทีมีเพียงแสงสลัวจู่ๆ ก็สว่างจ้าเหมือนเวลากลางวัน
ฟู่หลันหยาใจเต้นรัว ได้ยินเสียงชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านนอก “ได้ยินว่าตอนนี้เจ้านายตัวจริงของจวนมีเพียงคุณหนูฟู่ผู้เดียวใช่หรือไม่ คุณหนูฟู่ ไฉนยังไม่ออกมาอีกเล่า อย่าโทษว่าพวกเราไม่เกรงใจ จำต้องขอเข้าไปตรวจสอบในห้องแล้ว!”
พ่อบ้านโจวที่อยู่ข้างๆ คอยอ้อนวอน “คุณหนูของพวกเรายังมิได้ออกเรือน พวกใต้เท้าโปรดเห็นแก่ธรรมเนียมจารีตบ้าง”
“ธรรมเนียมจารีต?” ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็น “บุตรและภรรยาของขุนนางต้องโทษปฏิเสธไม่รับราชโองการ ตามกฎแล้วต้องตัดหัว นี่มันเวลาใดแล้ว ยังไม่รู้จักแยกแยะหนักเบาอีก!”
คนที่พูดก็คือหวังซื่อเจา พอเข้ามาในจวนสกุลฟู่ได้แล้ว ผิงอวี้ก็นำคนไปที่ห้องหนังสือนอก แต่เขากลับตรงเข้ามาถึงเรือนชั้นใน
แม่นมหลินได้ยินเช่นนั้น ทั้งร่างก็เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง พ่อบ้านโจวติดตามรับใช้ข้างกายฟู่ปิงมานาน ออกเดินทางไปทั่ว นับว่ามีความรู้กว้างขวาง คงไม่ถึงกับแยกไม่ออกว่าผู้ใดเป็นองครักษ์เสื้อแพรตัวจริงตัวปลอม
ในใจฟู่หลันหยากลับมาสงบนิ่งประดุจบึงน้ำอันราบเรียบ ยามเอ่ยปากพูดก็เหลือเพียงเสียงแหบเบา “แม่นม ไม่ว่าข้างนอกจะเป็นคนหรือผีก็ช่วยข้าสวมเสื้อผ้าก่อนเถอะ”
เดิมทีแม่นมหลินรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย พอเห็นคุณหนูไม่ออกอาการลนลานก็เรียกสติที่หายไปกว่าครึ่งกลับคืนมาได้ นางรีบขานรับพลางช่วยฟู่หลันหยาสวมเสื้อหวีผมแต่งตัวด้วยมืออันสั่นเทา
หวังซื่อเจาพูดจบ เห็นว่าห้องหลายห้องเบื้องหน้ายังคงเงียบกริบ ไร้ความเคลื่อนไหวอันใด เขาก็อดรู้สึกสมใจอยากไม่ได้
เขากวาดตามองจากห้องฝั่งตะวันออกไปจรดห้องฝั่งตะวันตก ขณะกำลังคาดเดาว่าฟู่หลันหยาพักอยู่ที่ห้องใดกันแน่ เขาก็พูดขึ้นว่า “พวกเราใช้ไม้อ่อนไปแล้ว ยามนี้ก็จำต้องใช้ไม้แข็ง ในเมื่อบุตรีขุนนางต้องโทษแข็งขืนไม่ยอมรับราชโองการ พวกเราก็จำต้องบุกเข้าไปแล้ว!”
พูดยังไม่ทันขาดคำ ห้องฝั่งตะวันออกก็เปิดผางออกทันใด จากนั้นก็มีคนสองคนเดินออกมา คนที่เดินนำหน้าเป็นหญิงวัยสี่สิบกว่า ข้างหลังเป็นหญิงสาวอายุราวสิบห้าสิบหกปี…
เมื่อหวังซื่อเจาจับจ้องที่หญิงสาวผู้นั้น เขาก็ไม่อาจเคลื่อนสายตาไปทางอื่นได้เลย
แม้เขาจะอ่านหนังสือมาไม่มาก แต่ก็เคยเรียนบทพรรณนาความงามที่ใช้ในฉากแสดงความรักมาบ้าง เป็นต้นว่า ‘บุปผาบานสะพรั่ง ทั่วเมืองพลันใจสั่นไหว’ หรือ ‘ดวงตาทอประกายดุจสายน้ำ รอยยิ้มงามเลอล้ำปานบุปผา’ กระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่าบทกวีใดๆ ก็ไม่อาจใช้บรรยายความงามน่ารักของหญิงสาวผู้นี้ได้ เพียงเห็น วิญญาณก็แทบมลาย กระดูกคล้ายแหลกสลายไปจนสิ้น
เนิ่นนานหลังจากนั้นเขาก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น กำลังจะเอ่ยปากพูดกลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังเสียก่อน พอเขาหันไปมองราวกับมีไฟลุกโหมขึ้นในใจ แต่เขาก็จำต้องเดินไปรับหน้า “ใต้เท้าผิง”
ฟู่หลันหยาเองก็กำลังมองสำรวจหวังซื่อเจาและพวกพ้องของเขาโดยไม่พูดอะไร เห็นพวกเขาสวมชุดองครักษ์เสื้อแพรของทางการจริง เอวเหน็บดาบซิ่วชุนที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัด ทั้งยังมีท่าทีก้าวร้าวรุนแรง อวดดีราวกับไม่ยี่หระกฎหมายบ้านเมือง เป็นองครักษ์เสื้อแพรที่เพียงชาวบ้านได้ยินชื่อก็พากันอกสั่นขวัญหายจริงๆ เศษเสี้ยวแห่งความหวังที่แอบซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ถูกทำลายจนหมดสิ้น นางนึกถึงบิดาว่าบัดนี้ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ริมฝีปากก็ซีดขาว หัวใจเจ็บปวดราวกับมีเข็มทิ่มแทง
ขณะกำลังร้อนใจอย่างมาก จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มเข้ามาอีกกลุ่ม ตอนที่เข้ามาคนกลุ่มนี้ราวกับติดปีกดำทะมึนคู่หนึ่งไว้ที่หลัง ถึงกับทำให้ในลานเรือนมีลมหนาวเย็นยะเยือกพัดโชยมาเป็นระลอก
คนที่อยู่หน้าสุดมีเรือนร่างสูงโปร่งกำยำ รูปโฉมหล่อเหลา ดูเกลี้ยงเกลาน่ามองอย่างแท้จริง พอเข้ามาแล้วก็เพียงเหลือบมองฟู่หลันหยาคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับชายที่มาก่อนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ที่แท้ยามรองผู้บัญชาการหวังตรวจยึดทรัพย์ก็ไม่ไปค้นที่อื่น จำเพาะต้องแล่นเข้ามาตรวจค้นในหมู่หญิงสาว พวกข้าต้องตามหาตัวเจ้าตั้งนานกว่าจะพบ”
สีหน้าเหมือนจะแฝงด้วยรอยยิ้ม ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยแววเย้ยหยันกระทบกระเทียบ
ติดตามตอนต่อไปในวันพรุ่งนี้ เวลา 12.00 น.