บทที่เจ็ด
ฟู่หลันหยากำลังกินอาหารกับแม่นมหลิน หลี่หมินก็มาเคาะประตูอยู่ข้างนอก แล้วยื่นกระปุกเล็กๆ กระปุกหนึ่งให้ “นี่เป็นยาทาแก้บาดเจ็บข้อเท้าแพลง ใช้แล้วได้ผลดี ทาตรงที่แพลงเช้าเย็น ไม่กี่วันตรงที่แพลงก็จะหายบวมได้”
แม่นมหลินรู้สึกเหนือความคาดหมาย นางรีบรับไปพลางขอบอกขอบใจเป็นการใหญ่ ฟู่หลันหยามองดูกระปุกยาในมือแม่นมด้วยท่าทางคล้ายครุ่นคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ แล้วลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ
หลี่หมินรีบยิ้มตอบ เขาไม่กล้าพูดอะไรมากอีก ได้แต่รีบถอยออกไปทันที
ตอนที่ก้าวลงบันไดก็หันไปมองแวบหนึ่งแล้วถอนหายใจโล่งอก ที่จริงใต้เท้าผิงมีอีกประโยคหนึ่งฝากเขาไปถ่ายทอดให้คุณหนูฟู่ด้วย นั่นก็คือ…
‘พวกข้ามีภารกิจต้องทำ จะให้ดีที่สุด คุณหนูฟู่ก็โปรดทายาบ่อยๆ จะได้ไม่เป็นภาระถ่วงให้ผู้อื่นต้องเสียเวลา’
เขารู้สึกว่าคำพูดนี้ออกจะร้ายกาจไปสักหน่อย พอเผชิญหน้าฟู่หลันหยาแล้ว ไม่ว่าสิ่งใดก็ล้วนพูดไม่ออกทั้งนั้น จึงปิดบังไว้ไม่ยอมบอกออกไป
กินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ไม่นานนักคนรับใช้วังมู่อ๋องก็นำเสื้อผ้ากับถุงเท้ารองเท้ามาให้ แต่กลับมิใช่เสื้อผ้าสำหรับคิมหันตฤดูทั้งหมดเฉกเช่นเมื่อวาน เพราะยังมีกระโปรงผ้าไหมตัวหนากับเสื้อขนสัตว์เพิ่มมาด้วย
คนผู้นั้นบอกว่า “ชายาซื่อจื่อให้ข้าน้อยมาบอกคุณหนูฟู่ว่าการเดินทางไปยังเมืองจิงเฉิงคราวนี้เส้นทางยาวไกลนัก ออกจากอวิ๋นหนานไปแล้วอากาศจะเย็นลง เสื้อผ้าเหล่านี้ขอมอบให้คุณหนูฟู่กับแม่นมไว้สำหรับสวมใส่กันหนาวระหว่างทาง ชายาซื่อจื่อยังบอกอีกว่านางมีงานมาก ดูแลได้ไม่ทั่วถึง คุณหนูได้โปรดอย่าได้ถือสาหาความ”
ฟู่หลันหยาไม่คาดคิดเลยว่าหลังผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนมาได้ ชายาซื่อจื่อจะยังมีแก่ใจคิดเผื่อนาง พอรับเสื้อผ้ามาแล้ว นางจึงแสดงความขอบคุณด้วยสีหน้าจริงจัง
แม่นมหลินปลาบปลื้มจนน้ำตาคลอขณะส่งคนผู้นั้นออกไป เมื่อกลับเข้ามาในห้องก็เก็บหีบห่อสัมภาระที่มีอยู่ไม่มากกับฟู่หลันหยา จากนั้นสองนายบ่าวก็พร้อมแล้วที่จะออกเดินทาง
ใครเลยจะรู้พอเปิดประตูออกมา ที่หน้าประตูกลับมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ขวางหน้าเอาไว้ให้พวกนางอยู่แต่ในห้อง
สองนายบ่าวตกตะลึงพรึงเพริด หวังซื่อเจายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตู
“คุณหนูฟู่” เขากวาดตามองดูชายกระโปรงฟู่หลันหยาด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม หยิบกระปุกเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากด้านหลังแล้วยื่นให้ ปากก็เอ่ยว่า “คุณหนูฟู่คงบาดเจ็บที่ข้อเท้า นี่เป็นยาทาที่ข้าพกติดตัวมานาน บาดเจ็บฟกช้ำอันใดมาล้วนใช้ได้ผลดีเยี่ยม”
แม่นมหลินกลัวเขามาตลอด จึงรีบดึงตัวฟู่หลันหยาไปไว้ด้านหลัง ฝืนยิ้มให้แล้วเอ่ยว่า “ลำบากใต้เท้าหวังแล้ว เมื่อครู่ใต้เท้าหลี่เพิ่งนำยามาให้เจ้าค่ะ”
“ใต้เท้าหลี่?” หัวคิ้วหวังซื่อเจาขมวดมุ่น หลี่หมินถึงกับส่งยามาให้เชียวหรือนี่ ก็แค่เจ้าหนุ่มน้อยคนหนึ่ง จะไปรู้ประสาอะไร ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าผิงอวี้ต้องเป็นคนให้เขานำมาให้แน่ๆ
หวังซื่อเจายิ้มเอ่ยว่า “ยากระปุกนั้นของเขาเป็นยาทั่วไป ยาของข้าสิเป็นของล้ำค่าหาได้ยาก ใช้ได้ดีที่สุด เหมาะกับอาการข้อเท้าแพลง คุณหนูฟู่เพียงแค่ทาไว้ที่ข้อเท้าสักครู่ รับว่ายานี้จะช่วยให้หายได้ชะงัดนัก”
ฟู่หลันหยากระตุกมุมปาก แล้วบอกอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “ความหวังดีของใต้เท้าหวัง ข้าขอรับไว้ด้วยใจ เพียงแต่ใต้เท้าหลี่บอกไว้ว่ายาของเขามีฤทธิ์ต้านกับยาชนิดอื่นๆ ข้าเพิ่งทาไปแล้วครั้งหนึ่ง เวลานี้เริ่มจะออกฤทธิ์แล้ว ถ้าใช้ยาอื่นปนเปกัน เกรงว่าจะไม่เหมาะ ใต้เท้าหวังโปรดนำกลับไปเสียเถอะ”
หวังซื่อเจายากจะได้เห็นฟู่หลันหยาทำสีหน้าอ่อนหวานกับตนเอง เขามีหรือจะยอมเลิกรา จึงคะยั้นคะยอให้นางรับไว้ จู่ๆ ประตูหลายบานทางด้านหลังก็เปิดออก หลี่หมินกับองครักษ์คนอื่นพากันออกมา ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว สายตาทุกคู่จึงมองมาทางนี้ หวังซื่อเจาทำอะไรไม่ได้จำต้องปล่อยนางไป