หนึ่งก้านธูป* ให้หลัง
ซูเสี่ยวเตานัยน์ตาว่างเปล่าหน้าตาเฉยชามองหร่วนชิงเฟิงที่ยิงธนูล่าสัตว์อย่างสนุกสนานอยู่ด้านหน้า ทั้งกวางเอย ชะมดเอย กระต่ายเอย…
แม่ทัพใหญ่ แล้วไหน ‘ขี่ม้ายิงธนู’ ที่บอกไว้เล่า…
“ข้าบอกว่าขี่ม้ายิงธนู แล้วนี่ไม่ใช่ขี่ม้ายิงธนูหรือไร น้องหญิง?”
หร่วนชิงเฟิงหันมาโดยบังเอิญ แล้วเหมือนจะมองความอัดอั้นคับแค้นของนางออก จึงฉีกยิ้มสดใส นางเห็นแล้วอยากจะใช้ดาบเล่มใหญ่ในมือฟาดหน้าเขาสักที!
ทน ข้าต้องทน…ทหารทำร้ายผู้บังคับบัญชาตั้งแต่เริ่มทำงานวันแรกไม่ใช่พฤติการกระทำที่ดี ถึงอย่างไรก็ต้องทนให้ได้
“ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านควรไปดูการซ้อมรบในป่าไม่ใช่หรือ” นางแสดงข้อสงสัยออกไปอย่างพยายามใจเย็นที่สุด
“การซ้อมรบในป่าเริ่มยามอู่ อีกอย่างข้าก็มอบหมายให้รองแม่ทัพไปจัดการแทนแล้ว” เขาตอบยิ้มๆ “จะเป็นผู้นำที่ดีก็ต้องรู้จักเคล็ดลับในการใช้คนให้ถูกงาน ไม่เช่นนั้นหากแม่ทัพใหญ่อย่างข้าต้องทำเองหมดทุกอย่างก็เท่ากับไร้ความสามารถน่ะสิ”
กลัวตนเองจะเหนื่อย จะสกปรก จะเบื่อมากกว่ากระมัง
เด็กสาวแอบกัดฟันเงียบๆ เสียดายที่ทำอะไรเขาไม่ได้ ชั่วดีอย่างไรนางก็รู้อยู่หรอกว่าประโยค ‘ในกองทัพบนล่างผู้ใหญ่ผู้น้อย’ เขียนอย่างไร…เมื่อคืนท่านพ่อให้นางเขียนตัวโตๆ ตั้งสิบแผ่นเต็ม
“แล้วตอนนี้เล่า” นางก้มหน้ามองสัตว์ป่าอันอุดมสมบูรณ์ที่ห้อยอยู่ข้างตัวม้าทั้งสองข้าง “ม้าข้าเต็มแล้วนะ บรรทุกมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ยังคิดจะล่าอีกหรือ”
“ในเมื่อน้องหญิงพูดเช่นนี้ก็ไม่ล่าต่อแล้ว” เขาคลี่ยิ้มสะกดใจ เก็บคันธนูสีดำกับลูกธนูสีเงินอย่างคล่องแคล่วแล้วให้ม้าเดินเข้ามาใกล้นาง “พวกเราไปหาที่ดีๆ ย่างกวางกินกันสักสองตัวเอาหรือไม่”
“แม่ทัพใหญ่ เช่นนี้จะดีหรือ” คิ้วโก่งสวยขมวดแน่น “พวกเรายังอยู่ในค่าย อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลาปฏิบัติหน้าที่ของข้าน้อย ท่านพ่อของข้าเคยบอกว่าเวลางานจะแอบอู้ไปกินดื่มไม่ได้ หาไม่จะถูกโบยแปดสิบไม้”
“นายทัพแนวหน้าปีกขวาซูอบรมสั่งสอนได้ถูกต้องยิ่งนัก” หร่วนชิงเฟิงฟังแล้วอดเลื่อมใสไม่ได้ ขณะพยักหน้าหงึกๆ อย่างเคร่งขรึม “ถ้าเช่นนั้นเรากินดื่มแบบเบาๆ แล้วกัน เปลี่ยนมาย่างกระต่ายป่าสองตัวแทนก็ได้”
ซูเสี่ยวเตาไม่ยอมตอบ รอบตัวเงียบสงัดราวกับสุสาน
เขายังไม่เคยเห็นนางไม่พูดไม่จาท่าทางเคร่งเครียดเช่นนี้มาก่อน จึงหุบยิ้มแล้วมองนางอย่างใจคอไม่ดี
“เอ่อ…ความจริงเมื่อครู่ข้าแค่…”
“สามตัว”
“เอ๋?” เขาเงยหน้าพรวด ดวงตาเป็นประกายอย่างประหลาดใจแกมยินดีและงุนงงไปพร้อมกัน “เจ้าว่าอะไรนะ”
“กระเพาะข้า…ไม่เล็กนัก” ใบหน้าเนียนปรากฏความเขินอายอย่างหาได้ยาก พลางพึมพำว่า “หากย่างแค่สองตัว เท่ากับท่านกับข้าแบ่งกันคนละตัว เท่านี้ยังไม่พอแหย่ขี้ฟันเลย ถ้าหากคนละตัวครึ่งค่อยพอถูไถกินแทนของว่างได้”
สวรรค์ เหตุใดถึงได้มีคนตัวน้อยที่น่ารักน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้นะ
หร่วนชิงเฟิงผู้นี้ดวงดีเหลือเกินที่เจอเข้าหนึ่งคนทันที่ก้าวเท้าเข้ามาในชายแดนตะวันตก
รอยยิ้มของเขาทำเอานางขนลุก นางรีบพรวดพราดดึงกระต่ายป่าสามตัว จากนั้นก็กระโดดลงจากหลังม้า “ข้าจะไปหาน้ำ จะได้ถลกหนังแล้วล้างกระต่าย”
“น้องหญิงหลักแหลมยิ่งนัก” เขาชื่นชมยิ้มๆ “ทำศึกได้ ต่อยตีกับอันธพาลได้ ฆ่ากระต่ายได้ แล้วยังทำอาหารได้อีก ไม่เลวๆ”
เทียบกับคุณหนูลูกหลานผู้ดีในเมืองหลวงที่ดีดพิณ เดินหมาก วาดภาพ เขียนอักษรเป็นเรื่องหลัก แก่งแย่งชิงดีกันในคฤหาสน์เป็นเรื่องรองแล้ว ซูเสี่ยวเตาโดดเด่นมีเอกลักษณ์กว่ากันมากจริงๆ
บรรดาหญิงสาวที่บิดาเพียรหามาให้เขาเลือกเป็นภรรยานั้น แต่ละคนหน้าตารางเลือนเหมือนๆ กันหมด คนที่รู้ว่าพวกนางเป็นใครมาจากไหนจะบอกว่าธิดาสกุลใหญ่ก็เช่นนี้ ส่วนคนไม่รู้คงนึกว่าเป็นสินค้ายกชุดขายส่งจากร้านเดียวกัน!