เสี่ยวฮุยที่หลบอยู่ในอ้อมแขนฉินโยวโยวมาตลอดได้ยินว่าถึงสกุลเหวินแล้วก็ปีนขึ้นมาอยู่บนบ่าของฉินโยวโยว ตั้งหูที่ยาวจนน่าอัศจรรย์ใจทั้งคู่ขึ้นพลางเงี่ยฟังเสียงอย่างละเอียดทันที เพียงประเดี๋ยวเดียวมันก็หวีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาว่า “ภายในอุโมงค์ใต้เรือนมีคน กำลังหนีไปข้างนอก!”
อุโมงค์?! เหล่าองครักษ์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในใต้หล้านี้สกุลเหวินถือเป็นหัวหน้าสามตระกูลใหญ่ด้านวิชากลไก พวกเขาพยายามลงมือตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวและควบคุมคนทั้งหมดนี้ไว้ในเวลาที่สั้นที่สุด ต่างทุ่มเทจนสุดความสามารถแล้ว แต่หากอีกฝ่ายอยู่ภายในอุโมงค์ลับตั้งแต่แรก พวกเขาก็หมดปัญญา
ฉินโยวโยวกัดริมฝีปากกล่าวว่า “เขาหนีไปทางใด เจ้าตามไปได้หรือไม่” ในเมื่อตามหาตัวต้าจุ่ยจากที่นี่ไม่พบ เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่ามันจะอยู่ในมือของคนที่กำลังหนีออกข้างนอกผู้นี้
“อืม เขาไปถึงใต้ดินด้านหลังคฤหาสน์แล้ว หากเขาไปไกลกว่านี้ข้าก็ไม่ได้ยินแล้วล่ะ!” เสี่ยวฮุยกระโดดลงจากบ่าของฉินโยวโยวแล้วแนบหูยาวข้างหนึ่งกับพื้น พยายามแยกแยะเสียงที่ดังมาแว่วๆ จากใต้ดิน
ฉินโยวโยวหันหน้าไปพูดกับเหยียนตี้ “ให้คนตามเสี่ยวฮุยไปได้หรือไม่”
“รีบหน่อยๆ! เจ้านั่นวิ่งเร็วยิ่งนัก!” เสี่ยวฮุยมองไปทางด้านหลังคฤหาสน์ มันวิ่งไปพลางร้องโวยวายไปพลาง
เหยียนตี้เลิกคิ้ว ก่อนพุ่งตัวตามเสี่ยวฮุยไปพร้อมกับเอ่ยถาม “ทางใด”
ครั้นเสี่ยวฮุยเห็นว่าเป็นเหยียนตี้ก็ไม่พอใจอยู่บ้าง หากแต่นึกถึงความปลอดภัยของต้าจุ่ยแล้ว มันก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนใจชี้ทิศทางบอกให้
“สองคนตามข้ามา คนอื่นรั้งอยู่คุ้มครองนาง” เหยียนตี้กวาดตามองฉินโยวโยวปราดหนึ่ง ก่อนยื่นแขนยาวไปจับหนังหลังคอเสี่ยวฮุย หิ้วตัวมันขึ้นวางบนบ่าตนเองแล้วเร่งฝีเท้าเดินไปทางด้านหลังคฤหาสน์
เสี่ยวฮุยทั้งตกใจทั้งโมโห มันร้องเสียงดังลั่นว่า “ข้าจะหาโยวโยว ท่านปล่อยข้าลงนะ!”
ฉินโยวโยวรู้ว่าตอนนี้ตนเองสูญเสียตบะไปหมดสิ้นแล้ว หากยังดึงดันให้ผู้อื่นพานางไปตามจับคนร้ายที่กำลังหลบหนีอีก เกรงว่าคงได้กลายเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า นางจึงได้แต่พยายามเอ่ยปลอบมันว่า “เสี่ยวฮุยอย่าดื้อสิ ช่วยต้าจุ่ยกลับมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน!”
เสี่ยวฮุยอยากจะขัดขืนกระโดดหนีไปตั้งแต่ถูกจับมาวางบนบ่าเหยียนตี้แล้ว แต่ความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาจากร่างเขาออกจะน่าตกใจเกินไป ถึงกับทำมันกลัวจนได้แต่เกาะบ่าเขาร้องโวยวายเสียงดัง ซึ่งคำพูดของฉินโยวโยวก็ได้เตือนสติให้มันคิดถึงต้าจุ่ยที่ยังอยู่ในกำมือของศัตรู เอาเถอะ…มันจะอดทน!
เหยียนตี้พาองครักษ์สองคนไปถึงนอกเมืองในชั่วพริบตา ทางด้านหน้าเป็นป่าผืนใหญ่
“ทิศทาง?” เหยียนตี้เอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ทางนั้น” เสี่ยวฮุยตวัดหูชี้ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ มันยังคงมีความไม่ยินดีอยู่เต็มท้อง
เหยียนตี้คร้านจะสนใจมัน เขาไม่ใช่ฉินโยวโยว ไม่มีความคิดจะปลอบสัตว์วิเศษที่เปราะบางพรรค์นี้
ท่ามกลางความมืดยามราตรี ทั้งสามคนวิ่งตามทางที่เสี่ยวฮุยชี้บอก กระทั่งไปถึงเนินดินแห่งหนึ่ง อาศัยแสงจันทร์แสงดาวที่มีอยู่ไม่มากกวาดตามองดูอย่างละเอียด ที่นี่เห็นชัดว่าเป็นสุสาน มีแต่หลุมศพอยู่ทั่วทุกแห่ง ลมเย็นโชยพัดมาเป็นระลอก
เสี่ยวฮุยเย็นวาบในใจ มันเผลอเกาะเหยียนตี้ที่เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวข้างกายมันไว้แน่นอย่างห้ามตนเองไม่ได้ ก่อนขยับเข้าหาคอเขาด้วยตัวที่สั่นระริก
“คนผู้นั้นจะออกมาแล้ว ตรงนั้น” เสี่ยวฮุยชี้เนินหลุมศพแห่งหนึ่งทางด้านหน้าซึ่งอยู่ห่างไปไม่กี่จั้ง ลดเสียงจนเบาที่สุด ในที่สุดก็พูดประโยคยาวๆ กับเหยียนตี้ “นั่นคือยอดยุทธ์ขั้นเจ็ดที่ออกมาจากสกุลเหวิน ท่านรับมือเขาไหวหรือไม่” เสี่ยวฮุยรู้สึกได้ว่าเหยียนตี้คิดจะเดินไปตรงนั้นก็รีบเอ่ยเตือน
มิใช่ว่ามันดูถูกคน แต่อย่างมากเหยียนตี้ก็มีอายุราวยี่สิบปีเท่านั้น ต่อให้ตบะสูงเพียงใดก็มีอยู่อย่างจำกัด อีกฝ่ายเป็นถึงคนสกุลเหวิน ในมืออาจจะมีอาวุธลับที่ร้ายกาจซุกซ่อนอยู่ หากเหยียนตี้รับมือไม่ไหว มันก็จะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย