“ก็พอใช้ได้”
“พิษลูกกลอนสลายพลังในตัวข้ามีวิธีแก้หรือไม่” ฉินโยวโยวถามด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม ถึงอย่างไรก็ติดค้างน้ำใจเขามากอยู่แล้ว ติดเพิ่มอีกสักเรื่องก็ไม่เห็นเป็นไร สหายเก่าผู้ได้ฉายาว่า ‘จอมแพทย์’ ของอาจารย์อยู่ไม่เป็นหลักแหล่งตลอดทั้งปี ไม่รู้ว่าเดือนใดปีใดถึงจะหาอีกฝ่ายพบ
ความรู้สึกที่สูญเสียตบะไปจนสิ้นเช่นนี้ช่างแย่เหลือกำลัง แม้นางไม่ถือสาที่จะแสร้งทำตัวเป็นสตรีอ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางอยากอ่อนแอจริงๆ
“มี แต่ยากยิ่ง”
“ยากตรงที่ใดกัน” ฉินโยวโยวทำท่าเงี่ยหูรอฟังด้วยความจริงใจซึ่งดูคล้ายกำลังประจบสอพลอยิ่ง
“ส่วนประกอบหลักของยาแก้พิษคือน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ภายในเขตหวงห้ามของราชวงศ์แคว้นเซียงเยวี่ยของข้า หากผู้ที่มิใช่เชื้อพระวงศ์เข้าไปใกล้เขตหวงห้ามก็จะต้องโทษประหารทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น ขอแค่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ออกห่างตาน้ำชั่วครู่เดียวสรรพคุณก็จะเสื่อม” คำตอบของเหยียนตี้ตรงไปตรงมายิ่ง
ฉินโยวโยวฟังแล้วก็ปากอ้าตาค้าง “นอกจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีอย่างอื่นแก้พิษได้เลยหรือ”
เขตหวงห้ามของราชวงศ์นั่นนางเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เรื่องที่เขาเสียดายที่สุดก็คือไม่เคยศึกษากับดักกลไกภายในเขตหวงห้ามของราชวงศ์แคว้นเซียงเยวี่ยด้วยตนเอง ยังบอกด้วยว่ากับดักกลไกในสถานที่นั้นเป็นไปได้มากที่จะเป็นฝีมือของ ‘ศิษย์ร่วมอาจารย์’ ของเขา ย่อมวิเศษยอดเยี่ยมไร้ใดเทียม
แม้แต่อาจารย์ยังยกย่องเทิดทูนกับดักกลไกที่อยู่ในที่นั้นไปเสียทุกอย่าง ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ของนาง หากคิดจะแอบเข้าไปขโมยน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ก็คงเป็นเรื่องเพ้อฝันไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านอกเขตหวงห้ามยังมีองครักษ์หลวงนับหมื่นเฝ้าอยู่ ย่อมมียอดฝีมือจำนวนมาก แม้แต่ตบะระดับอาจารย์ยังทำได้เพียงเมียงมองแล้วถอยหลังกลับ
“ไม่มี” สองคำเฉียบขาดนี้ทำให้ความหวังทั้งหมดของฉินโยวโยวแตกเป็นเสี่ยง
ใบหน้าของเหยียนตี้ยังคงปราศจากความรู้สึก แต่ฉินโยวโยวรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นอย่างไรอย่างนั้น นางจึงอดจะแย้งเสียงเบาไม่ได้ “อาจจะมีแต่ท่านไม่รู้ก็ได้”
เหยียนตี้เหลือบมองฉินโยวโยวปราดหนึ่งโดยไม่ได้โต้แย้ง เขาชี้ไปทางเรือนด้านหลังก่อนเอ่ยว่า “จะดูเรือนของเหวินเฟิงเซิ่งสักหน่อยหรือไม่”
“อ้อ เอาสิ!” ฉินโยวโยวสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกลไกอยู่แล้ว ยิ่งเป็นฝีมือของเหวินเฟิงเซิ่งผู้เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือในด้านนี้ เรือนที่เขาตั้งใจสร้างมาจะต้องไม่เลวอย่างแน่นอน
คนทั้งสองเดินเคียงกันมาจนถึงเรือนด้านหลัง ฉินโยวโยวก็หยุดยืนมองซ้ายขวา อดจะผิดหวังอย่างมากไม่ได้ “กับดักกลไกที่นี่ถูกรื้อถอนไปหมดแล้ว”
นางคำนวณตำแหน่งทิศทางตามโครงสร้างเรือนอย่างเงียบๆ ก่อนจะก้าวฉับๆ ไปยังภูเขาหินจำลองที่มุมกำแพงเรือน นั่งยองๆ แล้วใช้มือหนึ่งแหวกกอกล้วยไม้ออก เผยให้เห็นร่องหินที่เป็นช่องลึกร่องหนึ่งทางด้านหลัง บนหินมีตะไคร่ขึ้นไม่น้อยแล้ว กระทั่งเหยียนตี้ยังมองความพิเศษไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
ฉินโยวโยวกล่าวขึ้นว่า “เดิมทีตรงนี้น่าจะเป็นศูนย์กลางค่ายกลในลานเรือน เป็นที่วางแกนหมุนขับเคลื่อนทวารแต่ละแห่งภายในขอบเขตหนึ่งจั้งใกล้ๆ นี้ ทว่าได้ถูกคนรื้อออกไปแล้ว ซ้ำยังทำลายลักษณะเดิมของมันเพื่อให้คนไม่อาจค้นพบได้ ดูจากสภาพของตะไคร่เหล่านี้ น่าจะเป็นเรื่องเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว”
“เหวินเฟิงเซิ่งไม่อยากถูกคนสกุลเหวินค้นพบความลับของตนเอง การจะทำเรื่องเหล่านี้ก่อนจากไปหาใช่เรื่องแปลกไม่ วิชากลไกของเจ้าเทียบกับเหวินเฟิงเซิ่งแล้วเป็นอย่างไร” เหยียนตี้ยื่นมือมาดึงตัวฉินโยวโยวขึ้นก่อนเอ่ยถาม
ฉินโยวโยวอยากจะคุยโวยกหางตนเองตามความเคยชิน แต่คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วก็นึกได้ว่านางยังไม่ทราบถึงเจตนาของผู้มีพระคุณปีศาจ จึงรีบยั้งคำพูดไว้แล้วเอ่ยตอบอย่างคลุมเครือ “ไม่ค่อยแน่ใจ ไม่เคยเปรียบเทียบ”
เหยียนตี้ประเมินสีหน้าท่าทางแปลกพิกลของฉินโยวโยวพลางนึกขันในใจ สาวน้อยยังอ่อนหัดเกินไป ไม่ค่อยชำนาญเรื่องปิดบังอำพรางเท่าไรเลย
เหวินเฟิงเซิ่งสูงอายุกว่าฉินโยวโยวมาก ต่อให้วิชากลไกของนางสู้อีกฝ่ายไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง ไม่ดูขายหน้าแม้แต่น้อย กลับกัน การยกนางมาเปรียบเทียบกับเหวินเฟิงเซิ่งเช่นนี้กลับเป็นการประเมินกำลังความสามารถของนางไว้สูงทีเดียว จะอย่างไรเหวินเฟิงเซิ่งก็เกิดในตระกูลที่เชี่ยวชาญด้านกลไกอันดับหนึ่ง เป็นผู้ที่แม้แต่อาจารย์ของนางยังชื่นชมสรรเสริญ