ทว่าฉินโยวโยวกลับไม่ยอมบอกคำตอบที่แน่ชัด บอกแค่ว่าไม่เคยเปรียบเทียบ เช่นนั้นก็หมายความว่าในใจนางมั่นใจว่าวิชากลไกของตนเองยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเหวินเฟิงเซิ่ง เพียงแต่ไม่อยากเปิดเผยต่อหน้าเขาเท่านั้น
“ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรแล้วก็กลับกันเถอะ” เหยียนตี้เอ่ยขึ้น
“จะทำอย่างไรกับคนสกุลเหวินหรือ” ฉินโยวโยวเป็นห่วงอยู่บ้าง แม้พวกตนล้วนใส่หน้ากากอำพรางใบหน้าไว้ แต่สกุลเหวินไม่ใช่ตระกูลที่จะล่วงเกินได้ง่ายๆ แม้นางอยากสืบเรื่องของเหวินเฟิงเซิ่งอีกสักหน่อย แต่ก็กลัวว่าถ้าทำให้พวกเขาถูกคนสกุลเหวินค้นพบความลับขึ้นมาคงไม่ดีแน่
ไม่เสียแรงที่เหยียนตี้ได้ชื่อว่า ‘ปีศาจ’ เขาแทบจะรู้ทันทีว่าฉินโยวโยวคิดอะไรอยู่ในใจ จึงเอ่ยว่า “วางใจเถอะ เรื่องของเหวินเฟิงเซิ่งข้าจะให้คนถามมาให้รู้เรื่อง ส่วนคนสกุลเหวิน พวกเขาย่อมจะมีวิธีจัดการเอง”
อาจเพราะเหยียนตี้ได้แสดงให้ฉินโยวโยวเห็นแล้วถึงกำลังความสามารถของเขาว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด ยามนี้นางถึงได้เชื่อคำเขาง่ายดาย ตามเขากลับไปที่พักเดิมอย่างว่าง่าย
เพิ่งเข้าประตูมาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากที่ไกลๆ ฉินโยวโยวมองไปทางต้นเสียงด้วยความแปลกใจ เป็นทางใต้ของเมือง ท้องฟ้าทางด้านนั้นไม่รู้ถูกควันหนาและเปลวไฟโชติช่วงปกคลุมตั้งแต่เมื่อไร
คฤหาสน์สกุลเหวินไฟไหม้แล้ว คนข้างในนั้น…ฉินโยวโยวนึกอย่างขนลุกขนชัน หันหน้ากลับมาก็เจอกับใบหน้าสงบราบเรียบของเหยียนตี้เข้า ความหนาวเหน็บขุมหนึ่งพลันแผ่พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
“รีบไปพักผ่อน” ท่าทีของเหยียนตี้เป็นปกติ เขาส่งนางถึงหน้าประตูห้องแล้วก็หันหลังจากไป
เหยียนตี้รู้ว่านางกลัว แต่ในเมื่อเขาหมายใจในตัวนางแล้ว นางก็ทำได้เพียงปรับตัวให้เคยชินกับนิสัยใจคอของเขาโดยเร็วที่สุด
ฉินโยวโยวกอดกระเป๋าที่ใส่สัตว์วิเศษไว้ในอ้อมแขนพลางตั้งสติ ค่อยๆ เดินเข้าห้อง
นางจำต้องคิดหาวิธีเอาตบะคืนมาแล้วจากไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้! ผู้มีพระคุณปีศาจน่ากลัวเกินไปแล้ว
ราตรีผ่านไปอย่างปกติสุข ตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ฉินโยวโยวก็รู้สึกได้เพียงความง่วงเหงาหาวนอนราวกับว่านางไม่ได้หลับเลยเสียอย่างนั้น ภาพที่ฉายซ้ำไปมาในความฝันเมื่อคืนล้วนแต่เป็นภาพของผีร้ายที่ใบหน้าถูกเผาจนเละเทะฝูงหนึ่งไล่ตามนาง เอาแต่ร่ำร้องว่า ‘คืนชีวิตข้ามา’ ชุดนอนบนร่างนางเปียกเหงื่อชุ่มแล้ว
หลังล้างหน้าหวีผมเสร็จ สาวใช้ก็มาเชิญนางไปกินอาหารเช้าที่โถงรับแขก เสี่ยวฮุยยังเคืองอยู่จึงไม่ยอมไปเจอหน้าเหยียนตี้ อีกทั้งต้าจุ่ยยังสลบไม่ฟื้น มันจึงยกเรื่องดูแลสหายมาเป็นข้ออ้างหลบอยู่ที่ห้องได้พอดี
ฉินโยวโยวแอบอิจฉาเสี่ยวฮุยอย่างมากที่มันยังมีโอกาสได้เง้างอดเอาแต่ใจ ทว่านางกลับต้องไปกินอาหารเป็นเพื่อนปีศาจร้าย
ทุกสิ่งอย่างในเช้านี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเมื่อวาน ข้อแตกต่างเดียวก็คือฉินโยวโยวกินอะไรก็ไม่รู้รสและใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากกว่าเมื่อวาน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะกินอาหารท่ามกลางบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้จนเสร็จ เหยียนตี้ยกถ้วยชาขึ้นมาก่อนเอ่ยถาม “สัตว์วิเศษของเจ้าล้วนหาตัวเจอหมดแล้ว หลังจากนี้มีแผนการใดต่อ”
ข้าอยากจะจากไปประเดี๋ยวนี้เลย ไปให้ไกลจากปีศาจร้ายเช่นท่าน! ฉินโยวโยวตะโกนลั่นในใจ ทว่ากลับไม่กล้าพูดออกมา อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่อนุญาตให้นางได้กระทำตามใจ
“ข้าคิดจะหาตัว ‘จอมแพทย์’ ดูว่าเขามีวิธีแก้พิษให้ข้าหรือไม่”
“ก็ดี” เหยียนตี้พยักหน้า ท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามให้ความร่วมมือของเขาทำให้ฉินโยวโยวนึกระแวงขึ้นมาอีกครั้ง
เหลียงลิ่งพลันรู้สึกเห็นใจฉินโยวโยวขึ้นมาอยู่ครามครัน นางจะต้องไม่รู้แน่ว่า ‘ก็ดี’ ที่นายท่านพูดนั้นยังมีประโยคหลังต่ออีก หากพูดให้ครบถ้วนก็น่าจะเป็น… ‘ก็ดี…จะได้ทำให้เจ้ายอมแพ้อย่างราบคาบ’
โปรดติดตามตอนต่อไป