สือเอ้อร์หลางผู้เป็นองครักษ์ถูกเหตุเปลี่ยนแปลงเป็นชุดนี้ทำเอางุนงง หลังจากได้ฟังบทสนทนาของนายท่านกับฉินโยวโยวแล้วก็ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กในทันที เหลียงลิ่งเคยบอกใบ้พวกเขาเป็นการส่วนตัวว่าแม่นางน้อยที่งามหยาดเยิ้มประหนึ่งบุปผาตรงหน้านี้คือผู้ที่นายท่านถูกตาต้องใจ ทว่าเขากลับจะเอาสัตว์วิเศษของนางมากิน ต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไรเล่า!
“ข้าน้อยมิทราบว่านี่เป็นสัตว์วิเศษของแม่นางฉิน…” มองเห็นสายตาของเหยียนตี้ตวัดผ่าน สือเอ้อร์หลางก็รีบเอ่ยปากรับผิด ในใจแอบอุทานว่าแย่แล้ว
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ เป็นจู้อวิ๋นเฟยลากเขามาโดยบอกว่าจะเลี้ยงอาหารป่าแก่เขา
ฉินโยวโยวพลันนึกถึงคำของเหลียงลิ่งขึ้นมาได้ นางตระหนักได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้เกือบจะกินเสี่ยวฮุยของนางเข้าไปแล้ว จึงอดไม่ไหวถลึงตาค้อนควักใส่เขาอย่างเข่นเขี้ยว
หลังความวุ่นวายผ่านพ้นไป เหยียนตี้ก็โบกมือไล่แต่ละคนให้แยกย้าย ฉินโยวโยวอุ้มเสี่ยวฮุยกลับห้องแล้วตรวจดูอย่างละเอียด โชคดีที่นอกจากรอยปูดบวมบนหัวที่มาจากการชนตอไม้แล้วก็ไม่มีบาดแผลอื่นอีก นางจึงได้จัดให้มันอยู่ในตะกร้าไม้ไผ่ชั่วคราว รอมันฟื้นขึ้นมาเอง
พลบค่ำ เสี่ยวฮุยที่สลบไสลมาครึ่งค่อนวันก็ฟื้นขึ้นในที่สุด พอมองเห็นเจ้านายอยู่ตรงหน้าก็พูดออกมาเป็นชุด “โยวโยว ต้าจุ่ยเกิดเรื่องแล้ว มันถูกตัวสารเลวสกุลเหวินจับไป ท่านรีบไปช่วยมันเร็ว!”
“สกุลเหวิน? มันเรื่องอะไรกัน” ฉินโยวโยวทั้งประหลาดใจทั้งร้อนใจ
“ตอนหัวค่ำเมื่อวานข้ากับต้าจุ่ยมาถึงบริเวณใกล้เมืองปาไซ่ ยามผ่านเรือนใหญ่ที่งามสุดในหมู่บ้าน ต้าจุ่ยก็บอกว่ากลิ่นหอมของสมุนไพรวิเศษที่ลอยมาจากข้างในทำมันน้ำลายสอจนทนไม่ไหว บอกให้ข้ารออยู่ข้างนอก ข้ารอได้สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงอึกทึกมาจากข้างในเรือน มีคนพบต้าจุ่ยเลยจะจับตัวมันเอาไว้ ซ้ำยังมีคนพูดด้วยว่า ‘นี่คือสัตว์วิเศษของมือเทพเนรมิต ข้าไม่มีทางจำผิด’ ข้าเคยได้ยินเสียงของคนผู้นี้จากในสกุลเหวินมาก่อน เป็นพ่อบ้านที่รับหน้าที่ให้การรับรองอาจารย์ในตอนนั้น” เสี่ยวฮุยร้องไห้พลางเอ่ยฟ้องอย่างสะอึกสะอื้น
“ข้ารู้ว่าเกิดเรื่องแย่ขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญญาจะช่วยมัน ได้แต่รอจนฟ้ามืดสนิทถึงค่อยแอบมุดรูสุนัขเข้าไปสืบข่าว ภายในเรือนมียอดยุทธ์ขั้นเจ็ดอยู่ ข้าไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไป แต่ก็ได้ยินคนปรึกษากันแว่วๆ จากในห้องหนังสือว่าจะส่งตัวต้าจุ่ยกลับไปสกุลเหวินอย่างลับๆ แล้วคิดหาวิธีบีบให้มันบอกที่อยู่ของอาจารย์รวมถึงตำราภาพอาวุธกลไกออกมา คนสกุลเหวินเหล่านี้ช่างเลวเกินไปแล้วจริงๆ! ตอนนั้นอาจารย์อุตส่าห์ช่วยพวกเขาไว้ บัดนี้พอรู้ว่าอาจารย์ไม่อยู่แล้วก็มาทำร้ายต้าจุ่ย! ข้ากลัวว่าพวกเขาจะจับข้าไปด้วยจึงได้ถอยออกมาหลบในป่านอกเมืองอย่างระมัดระวังแล้วรอให้ท่านมา แต่ว่าฟ้ามืดเกินไป ข้า…ข้าเลยเผลอชนต้นไม้เข้า…”
เสี่ยวฮุยพูดถึงตรงนี้ก็ขยับหัวมาตรงหน้าฉินโยวโยวเพื่อขอให้เจ้านายปลอบใจ ฉินโยวโยวจิตใจว้าวุ่น ทว่าเห็นรอยปูดบนหัวที่มีขนปุกปุยของมันแล้วก็อดจะปวดใจไม่ได้ นางจึงก้มหน้าลงเป่าให้มัน ก่อนยกมือลูบขนปลอบขวัญ “ข้าเพิ่งทายาให้เจ้าไป อีกประเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ เจ้าสลบไปนานจนเกือบจะถูกคนสับมาแกล้มสุราแล้ว ทำเอาข้าตกใจแทบแย่ เจ้าต้องหายไวๆ พวกเราจะได้คิดหาวิธีช่วยต้าจุ่ยโดยเร็วที่สุด”
เสี่ยวฮุยกะพริบตาพูดด้วยความหวาดผวา “ข้าฟื้นมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่พอลืมตาขึ้นมากลับเห็นม้าปีศาจสีแดงเลือดแสนอัปลักษณ์ยิ่งตัวหนึ่งคิดจะกินข้า ทำข้าตกใจแทบตายเลย ฮือๆๆ จากนั้นข้าก็ตกใจจนหมดสติไปอีกรอบ”
พูดถึงความตระหนกที่ได้รับเมื่อเช้า เสี่ยวฮุยก็ยังหวาดกลัวไม่หาย มันร้องไห้โฮขึ้นมาอย่างทั้งคับข้องใจทั้งอับอายขายหน้า